เนื้อหาที่รวบรวม

รวบรวมความศรัทธา... จิตวิทยา... ความเชื่อ... ที่นำพาสู่ความสำเร็จ...

ความศรัทธา

ความศรัทธา ที่ประกอบด้วยหลักเหตุผลการวิเคราะห์ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่นำพาเราไปพบความสำเร็จ

ความเชื่อ

เกิดจากความศรัทธาที่วิเคราะห์แล้วว่าเป็นเช่นนั้นจริง... ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราก็จะเดินถูกทาง

สิ่งแวดล้อมรอบตัว

คุณอยู่ในสิ่งแวดล้อมเช่นไร คุณคบเพื่อนแบบไหน... สิ่งแวดล้อมนั้น จะทำให้คุณสอดคล้องกับภาวะเช่นนั้น...

If you are going [...]

ความสำเร็จ

คนบนโลกนี้มีคนสำเร็จมากมาย ทั้งทางโลกและทางธรรม... คุณจะเดินทางตามใครนั้นแล้วแต่คุณจะเลือก แต่ขอให้มีคุณธรรมมากพอ

ความสมดุลของโลก

โลกของเรารักษาสมดุล คุณมอบสิ่งใดกับโลกและสิ่งแวดล้อมรอบตัวไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือภาวะต่างๆ คุณก็จะได้รับสิ่งนั้นตอบแทนกลับมาเช่นกัน...

"ผู้ใดปราถนาจะอุปปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงรักษาภิกษุป่วยไข้เถิด"

วันนี้ตั้งหัวข้อแบบเน้นบุญกุศลกันนะครับ... ผมก็ขอเสนอแนวทางการทำบุญอย่างชาญฉลาดอีกรูปแบบหนึ่ง... เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า เราไม่สามารถอุปปัฏฐากพระพุทธองค์ได้แล้ว... แต่พระพุทธองค์ได้เคยตรัสไว้ว่า "ผู้ใดปราถนาจะอุปปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงรักษาภิกษุป่วยไข้เถิด" 


การให้การพยาบาลหรือบำบัดโรคภัยไข้เจ็บของพระสงฆ์ เท่ากับการได้อุปัฏฐากพระพุทธองค์เลยทีเดียว
ตามความเชื่อผู้คนส่วนมากแล้วมึความเชื่อและศรัทธาว่า " ถ้าหากผู้ใดที่ได้ถวายอาหารหรือสิ่งของต่อพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุญที่เกิดจากการถวายทานนั้น มีอานิสสงส์มากจริงๆ ถึงขนาดผู้นั้นตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ได้เป็นสาวก หรือ อัครสาวก หรือ ปราถนาพุทธภูมิ ก็ได้สมดังใจปรารถนาเลย"
ตามพระพุทธดำรัสที่กล่าวมาข้างต้นนั้น การที่เราดูแลช่วยเหลือปรนิบัติต่อพระภิกษุผู้อาพาธ เท่ากับว่าเราได้สร้างกุศลต่อพระพุทธองค์โดยตรงเลยทีเดียว ดังนี้ ผลบุญมหาศาลจักบังเกิดขึ้นแก่เราผู้ได้ปรนนิบัติอุปัฏฐากพระภิกษุสงฆ์ผู้อาพาธ เปรียบเสมือนเราได้ถวายทานต่อพระพุทธเจ้านั่นเอง

ดังนั้น การที่เรามีโอกาสหรือตั้งใจที่จะปรนิบัติดูแลช่วยเหลือพระภิกษุสงฆ์ที่ป่วยไข้ อาพาธ แล้วเราน้อมจิตของเราระลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะส่งผลต่อจิตใจอันเป็นกุศลเป็นอย่างมาก และอานิสสงส์ดังกล่าวนั้น บุญจากการอุปัฏฐากพระพุทธองค์ย่อมมีกำลังกุศลมหาศาล หากตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้เราเจริญในธรรมในพระศาสนาของพระพุทธองค์แล้ว กำลังแห่งความตั้งใจนั้นก็ย่อมมีมากมาย และส่งผลให้เราก้าวหน้าในธรรม มีพละและอินทรีย์ เพื่อความหลุดพ้นในโอกาสภายหน้าได้เป็นแน่แท้ เหตุดังนั้น พวกเราอย่ามัวประมาทอยู่เลย พึงกระทำมหากุศลดังกล่าวให้เกิดขึ้นแก่ตัวเอง ครอบครัว และสหธรรมิกของเราโดยพลัน ฯ


อย่าลืมกันนะครับ... ท่านสามารถที่จะทำกุศลได้โดย ทำนุบำรุงโรงพยาบาลสงฆ์ ซึ่งก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ชาญฉลาดเลยทีเดียว... ขอบคุณครับที่กรุณาอ่าน...


ที่มา : http://www.arokayasala.com

By Yutth with No comments

กฏแห่งแรงดึงดูดทำแมนซิตี้ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ในรอบกว่า 40 ปี

หลายๆท่านที่ชื่นชอบในกีฬาฟุตบอล...คงไม่พลาดการแข่งขันเมื่อคืนนี้ (13/05/2012) เป็นการตัดสินแชมป์ พรีเมียร์ลีกระหว่าง แมนยู และ แมนซิตี้...แต่แมนซิตี้ถือไพ่เหนือกว่าเล็กน้อย... และก็เป็นผลต่อการโปรแกรมจิตของแต่ละฝ่ายจนได้...

จากการวิเคราะห์รูปเกมของผม...ผมได้ดูการแข่งขันนี้แบบศึกษาไปด้วย...โดยเปิดไปมาระหว่างการแข่งขันของทั้งคู่...ผมได้สังเกตุพฤติกรรมของทั้ง 2 ทีมซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน...ชัดเจนทั้งผู้แข่งขันและผู้เชียร์...

การแข่งขันของแมนซิตี้ไล่ต้อนควีนสปาร์คที่หนีตกชั้นได้ตลอดทั้งเกม ไม่ได้ปล่อยให้คู่แข่งได้บอลเลย...แต่รูปเกมช่างกดดันเสียจริงๆ แต่ด้วยความมุ่งมั่นของทีม และการภาวนาของกองเชียร์ ก็เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ ดึงดูดความสำเร็จมาให้ทีมจนได้... แมนซิตี้โฟกัสเพียงจุดเดียวคือการได้แชมป์ การได้แชมป์คือการต้องชนะเท่านั้น... ทีมไม่ได้มองไปที่ปัจจัยภายนอกอื่นๆเลย...  ทีมไม่ได้ไปโฟกัสในสิ่งที่เหนือการควบคุม... ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นจริง... สามารถทำประตูถึง 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และก็ได้แชมป์ไปครองในรอบกว่า 40 ปี...

ต่อไปเรามาวิเคราะห์ ในส่วนของทีม แมนยูกันบ้าง... ทีมนี้ผมเชียร์มานานกว่า 15 ปี... ชอบสมัย อีริค คันโตน่า.. และทีมแมนยูก็เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จเสมอมา... รูปแบบการเล่นของแมนยู นั้นไม่ได้หวือหวาเลยกับการแข่งขันกับซันเดอร์แลนด์ในวันนี้... เขาหวังแค่ชนะ และไปลุ้นกับปัจจัยภายนอกที่ทีมไม่สามารถควบคุมได้เลย คือไปลุ้นให้ควีนสปาร์ค ชนะหรือเสมอกับแมนซิตี้... ทำไมผมจึงคิดเช่นนั้น...เพราะผมเห็นกองเชียร์แมนยู ดีใจตอนที่ควีนสปาร์คยิงนำ... แทนที่จะไปโฟกัสทีมตนเองให้ได้ประตูเยอะๆ...แต่ไปโฟกัสในส่วนที่ตนเองคุมไม่ได้ซะนี่...และทั้งทีมก็คงคิดเช่นนั้น... โปรแกรมจิตจึงเข้าทำงานในทันที... เขาเห็นความล้มเหลวของคนอื่นเป็นความสุข... ช่วงก่อนจะหมดเวลาการแข่งขันระหว่าง แมนยูและซันเดอร์แลนด์ ผมสังเกตุเห็น ป๋ากี้ ร้อนรน อย่างมาก ผมเชื่อว่าเพื่อให้เกมรีบจบและไปลุ้นให้แมนซิตี้แพ้...

แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แมนซิตี้ ยิงได้ 2 ประตูพลิกมาชนะและเป็นแชมป์ไปจนได้...

มาสรุปกันเลย...


ความสำเร็จของแมนซิตี้ เกิดจาก....
1. ความมุ่งมั่นที่จะได้แชมป์โดยโฟกัสที่การแข่งขันของตนคือการเอาชนะเท่านั้น
2. เขามองเห็นความสุขเมื่อเขาชนะควีนสปาร์คและได้ชูถ้วยแชมป์

ความล้มเหลวของ แมนยู เกิดจาก...
1. มุ่งมั่นที่จะได้แชมป์โดยไปโฟกัสปัจจัยภายนอกที่ตนเองควบคุมไม่ได้โดยหวังให้แมนซิตี้แพ้หรือเสมอ...
2. เขามองเห็นความสุขเมื่อ แมนซิตี้แพ้ควีนสปาร์ค

เป็นยังไงกันบ้างครับ... ผมคิดว่าจริงนะครับเรื่องนี้... เพราะฉะนั้นแล้วการดำเนินชีวิตของเราก็เช่นกัน... ถ้าเรามัวแต่ไปแช่งใคร หรือ ไม่ยินดีกับความสำเร็จของคนอื่น...เห็นเขาได้ดีกว่า เห็นเขารวยกว่า แล้วรู้สึกหงุดหงิด อิจฉา...ก็จงระวังให้ดีนะครับ...เรากำลังโปรแกรมสิ่งผิดๆเข้าสู่จิตใจเราเอง...

จะส่งผลให้เราจะมองความสำเร็จของคนอื่นเป็นความทุกข์ของเรา...จิตก็จะโปรแกรมว่า ความล้มเหลวเป็นความสุข... เราก็จะพบแต่ความล้มเหลว...

แต่ถ้าเรายินดีในความสำเร็จของคนอื่นๆ โฟกัสตัวเราเอง...เราก็จะดึงแต่ความสำเร็จเข้ามาเช่นกัน เพราะโปรแกรมจิตบอกว่า ความสำเร็จคือความสุข...

นี่คือกฏง่ายๆ ของกฏแห่งแรงดึงดูด (The Law of Attraction)

หวังว่าบทความ วิเคราะห์ของผมจะมีประโยชน์เล็กๆบ้างนะครับ...


By Yutth with No comments

สัมพุทธชยันตี 2600 ปี กิจกรรมใน งานวันลอยฟ้า...





หนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างยิ่ง 
๑๗ พ.ค.นี้ อีกกิจกรรมหนึ่งใน"งานวัดลอยฟ้า"ชั้น ๕ สยามพารากอน
ขอเชิญพุทธศาสนิกชน ร่วมสวดมนต์บท"ปฐมบรมพุทธอุทาน"
เวลา ๑๓:๐๐ - ๑๖:๓๐ น. บริเวณ โซนห้องมหาวิหาร
สมาชิกผู้มาร่วมงาน..จะได้รับฟรี หนังสือพร้อมC.D."สวดชาตินี้ดีกว่ารอชาติหน้า"

สอบถามรายละเอียดกิจกรรมนี้เพิ่มเติมที่ ๐-๒๖๘๕-๒๒๕๕
www.dmgbooks.com

By Yutth with No comments

มหกรรมลานโพธิ์ ตอนงานวัดลอยฟ้า


วันนี้เอาข่าวดีๆมาแจ้งนะครับ
ขอเชิญร่วมฉลองพุทธยันตี ประจำปีที่ 2600 หลังพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ชมฟรี ตลอดงานเลยครับ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

๑๗-๒๐ พ.ค.นี้ ขอเชิญชาวพุทธทุกท่าน
ร่วมงานฉลองพุทธชยันตีประจำปีที่๒๖๐๐หลังพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ณ ชั้น ๕ สยามพารากอน
พบกับสุดยอดนิทรรศการและนานากิจกรรมของนับร้อยองค์กรของชาวพุทธ
"พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร แล้วเราจะเอาไปใช้ในชีวิตได้อย่างไร"
ร่วมสวดมนต์ภาวนา ๙ พระสูตรปฐมโพธิกาล ๒๖๐๐ ปี
สักการะรอยพระพุทธศาสนา มหาเจดีย์ พระปฏิมาและบูรพาจารย์ ๔ ภาค
ฟังธรรมหลายพระอาจารย์ อาทิ พระมิตซูโอะ คเวสโก/ พระมานพ อุปสโม/
พระประสงค์ ปริปุณโณ/ พระไพศาล วิสาโล/ ท่านว.วชริเมธี/
พระมหาสมปอง ตาลปุตโต ฯลฯ

เลือกหาหนังสือ สื่อธรรมะ ไอที-ไอธรรม และนานาหลักสูตรปฏิบัติธรรม
* ร่วมวงเสวนา สวดชาตินี้ดีกว่ารอชาติหน้า
* เลี้ยงลูกวิถีพุทธกับครอบครัวคุณเช็ค คนค้นฅน
* พุทธธรรมกำมือเดียว
* ปฏิบัติธรรมเปลี่ยนชีวิต
* ล่าความสุขในยุคลอยฟ้า
* พระพุืทธเจ้าตรัสรู้
และพบกับน้องๆแฟนพัทธุ์แท้พุทธทาส ฯลฯ

ชมดนตรี ละคร จากนานานักคิดและศิลปิน อาทิ
แอ็ด โมเดิร์นด็อก / เป้ อารักษ์ / ตุล อาพาร์ทเมนท์คุณป้า /
แสตมป์ feat.ตั้ม วิสุทธิ์ / คณะประสานเสียงสอนพลู /วงนั่งเล่น /
โก้ Mr.Saxman /The Kong /มนตราออร์เคสตร้า โดย อ.สุกรี เจริญสุข/
หุ่นสายเสมา / มาลีวัลย์ เจมีน่า ฯลฯ

พร้อมเกมกิจกรรมงานวัดแบบมีธรรมที่คุณไม่คาดคิด

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ๐-๒๘๓๖-๒๘๐๐
www.buddhaleela.org


By Yutth with No comments

พระภาสกร ภูริวฑฺฒโน สมดุลโลก Full version

วันนี้เอา youtube มาแชร์อีกแล้วครับ... เนื้อหาดีมากๆ จนไม่สามารถจะเก็บไว้ดูคนเดียวได้... ฟังธรรมะ ก็บันเทิงได้มากเลยเช่นกัน การันตีครับ...โพสก่อนๆ ผมได้พูดเกี่ยวกับ สมดุลโลกไว้บ้างแล้ว... ก็เลยค้นหา คลิป มาให้ดูกันเลย เนื้อหาก็เหมือนในหนังสือเลยครับ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบอ่าน...แต่หนังสืออาจจะละเอียดกว่านี้...สำหรับคนที่ไม่ชอบทั้งอ่านและฟังอันนี้ก็ช่วยไม่ได้แล้วครับ... โดยรวมของคลิปนี้ก็โอเคครับ เห็นภาพชัดเจน เพราะพระอาจารย์ Present ด้วย Power point (ถือว่าทำได้เยี่ยมเลยครับ) เห็นภาพกันเลยทีเดียว... ท่านที่ปรารถนา ใฝ่ในธรรม ก็น่าจะดูกันจบ...ใช้เวลาประมาณ เกือบ 2 ชั่วโมง...  ถ้าท่านดูได้จบ ผมมั่นใจว่า ท่านเริ่มมีจิตใจใฝ่ธรรมะ กันแล้วหล่ะครับ... อนาคตของท่านสดใสแน่นอน... ท่านจะเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ได้อย่างมีหลักการ...ทำไมคนทำดีทั้งชาติ แต่ไม่ได้ดีสักที...ทำไมคนทำชั่วแสนชั่ว  ก็ยังได้ดีปรากฏในชาตินี้... ทำไมองคุลีมาล ฆ่าคนตายไปเยอะแยะมากมาย แต่ได้รับผลกรรมแค่เพียง หัวแตก... ยิ่งช่วงท้ายๆ มี Trick เด็ด สุดยอด...รอท่านได้เข้าไปชมกันนะครับ... ขอบคุณมากครับที่กรุณาอ่าน...ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมนะครับ...สาธุ



By Yutth with No comments

Meta Secret 7 ความลับเหนือโลก 5 กฏแห่งเพศ

วันนี้ขออีกโพสเลยนะครับ เอาจาก youtube มาแชร์...เกี่ยวข้องกับ หนังสือ The Meta Secret ของ Mel Gill ที่โด่งดัง... โดยมีวิทยากรรับเชิญคือ โค้ชสิริลักษณ์ และ นพ.พงษ์ศักดิ์  ตั้งคณา... ดูแล้วได้ความรู้มากเลย ในหัวข้อความลับ กฏแห่งเพศ... ดูให้จบนะครับ รับรองสนุกมาก โดยเฉพาะช่วงของ นพ.พงษ์ศักดิ์  ทั้งได้สาระ ทั้งสนุก... ขอให้มีความสุขทุกท่านนะครับ...



By Yutth with No comments

เครื่องมือทำนาย อนาคตของมนุษย์ 3

มาต่อเรื่องเครื่องมือทำนายอนาคตจากหนังสือ "ไอ้เป๊ก" กันต่อนะครับ เอาแบบจบบริบูรณ์กันเลย... สื่อต่อไปก็คือ
3.สื่อที่เราชอบเป็นพิเศษ  เดี๋ยวนี้สื่อที่เน้นเฉพาะมีเยอะมากครับ...ถ้าคุณสนใจด้าน IT และจริงจังแม้ว่าคุณไม่ได้จบมาด้านนี้ก็ตาม คุณก็อาจจะเก่งกว่าคนที่จบมาจากด้านนี้ก็ได้... ที่สำคัญคุณสนใจเรื่องอะไรหล่ะ...แล้วเรื่องนั้นสามารถทำเงิน ทำกำไรให้คุณได้มั้ย... บางคนไม่ได้จบด้านคอมพิวเตอร์มาเลย แต่มาขายของบน ebay รวยกันไปเยอะแยะมากมาย... เราต้องรีบเช็คด่วนนะครับว่า เราชอบอะไรเป็นพิเศษและมันทำเงินให้เราได้มั้ย... เพื่ออนาคตของตัวเราเองครับ


ต่อมาเรามาถึงสื่อสุดท้ายที่ ทำนายอนาคตคือ
4.สื่อรอบตัว...  ก็ได้แก่สื่อโทรทัศน์ สื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โฆษณาต่างๆ ลองคิดดูนะครับ...ถ้าทุกๆเช้า เรารับแต่ข่าวไม่สร้างสรรค์ เช่น ฆาตกรรม ข่าวเลวร้าย ก็ย่อมส่งผลแต่ให้ใจเราหดหู่ และหดหู่ไปทั้งวัน...ถ้าเราแต่ข่าวบันเทิง ดาราคนนั้นไปกับคนนี้ ดาราคนนี้ไปกับคนนั้น กระซิบกันเต็มไปหมด...รู้แล้วเกิดอะไรขึ้นครับ... รู้แล้วชีวิตก็เหมือนเดิม ทำงานอีก 10 ปีข้างหน้าชีวิตก็เหมือนเดิม...ลองเปลี่ยนมารับสื่อใหม่กันนะครับ...เราสื่อที่สร้างอนาคต ธุรกิจ สิ่งสร้างสรรค์ เดี๋ยวนี้คนที่ประสบความสำเร็จเข้ามีรายได้เป็นนาทีแล้วนะครับ... คุณรู้มั้ย หลายๆคนรู้วิธีทำร้ายได้ด้วย google  แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่ครับ...คนส่วนใหญ่มุ่งแต่ไปทำงานแล้วก็หมดอาลัยตายอยากกับชีวิตการงาน และก็มานั่งบ่น แล้วก็กลับบ้าน แล้วก็รับสื่อไม่ค่อยดี...เป็นอย่างนี้เรื่อยๆไป... ไม่มีอะไรดีขึ้นครับ... ลองเปลี่ยนพฤติกรรมดูนะครับ.... เรามาลุยพร้อมๆกันเลยครับ... ^^  อ่อ... อย่าลืมซื้อหนังสือมาอ่านด้วยนะครับ... ที่กล่าวมาก็แค่คร่าวๆ อ่านเล่มเต็มๆ เพื่ออนาคตของทุกคนนะครับ....


By Yutth with No comments

เครื่องมือทำนาย อนาคตของมนุษย์ 2

มาต่อเรื่องเครื่องมือทำนายอนาคตกันต่อนะครับ... มาดูกันต่อในเรื่องหนังสือที่คุณอ่านก็เป็นสิ่งที่กำหนดอนาคตของเราได้... หนังสือที่เราอ่านจะแบ่งเป็นสื่ออยู่ 4 ประภทใหญ่ๆดังนี้

1. สื่อในวิชาชีพของตนเอง



เรื่องนี้ต้องคิดดีๆนะครับ... บางคนเลือกเรียนในสาขาวิชาที่ไม่เหมาะสมในระยะเวลาปัจจุบัน เช่น วิศวกร...ถ้าปัจจุบันเลือกเรียนด้านวิศวกรรมโยธา กับ ด้านวิศวกรรมพลังงาน คุณคิดว่าใครจะหางานได้ง่ายกว่ากัน...แน่นอนครับ ปัจจุบัน เรื่องพลังงานเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนการก่อสร้างมันน้อยลงแล้วเพราะก่อสร้างเต็มไปหมด... อาชีพบางอาชีพปัจจุบันมันอาจหายไปแล้ว วิชาชีพบางวิชาชีพอาจหางานทำได้ลำบาก ถ้าคุณยังเรียนวิชาชีพที่ไม่เป็นไปตามกระแสโลก คุณต้องเก่งแบบเหนือคนอื่นทั่วๆไป...เพื่อเอาตัวรอดให้ได้... ปัจจุบันฟิล์มถ่ายรูปเขาก็ไม่ได้ใช้กันโดยทั่วไป...สคส. ก็ไม่นิยมซื้อเพราะเล่น SMS หรือไม่ก็ Facebook... สรุปสั้นๆเลยคือ อย่าเสียดายเวลาที่คุณเรียนมา 4 ปีกับวิชาชีพของคุณ...อย่าเสียดายเวลาที่ทำงานมา 10 ปี กับอาชีพของคุณ... โลกมันเปลี่ยนเยอะมาก...ต้องตามกระแสโลกให้ทันเพื่อคุณจะได้อยู่รอด...จงเสียดายเวลาอีก 30 - 40 ปีที่เหลือ...เพราะคุณจะเสียดายและเสียเวลาไปทั้งชีวิต...

2.สื่อความบันเทิง...




สื่อบันเทิงปัจจุบันมีมากมายเลยครับ...ถ้าเราตามกระแสไป รับรองชีวิตหายนะแน่... ปัจจุบันกลยุทธหลอกล่อให้ผู้บริโภคหลงระเริงไปกับสิ่งยั่วยุมีมากมาย... และส่งเสริมให้เราเป็นหนี้กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเกมส์ อินเตอร์เน็ต ภาพยนตร์ คอนเสิร์ต สิ่งที่กล่าวดึงเงินของเราตลอดเวลา... ถ้าเราหลงระเริงไปหล่ะก็ คุณจะเสียทั้งเงิน เสียเวลา เสียอนาคตแน่นอน... แถมบางคนเป็นหนี้บัตรเครดิตไปอีก...เพราะหลงกลในเรื่องโปรโมชั่น และคะแนนสะสม จนไม่สามารถใช้หนี้ได้ตามเวลา...จงระวังไว้ให้ดีครับ...

"ความสำเร็จของคนไม่ได้วัดกันที่คุณมีรายได้เท่าไหร่ แต่วันกันที่คุณมีรายได้เหลือเท่าไหร่ต่างหากหล่ะ"


วันหลังเราจะมาต่อกันในเรื่องสื่อทำนายอนาคตกันต่ออีก 2 ข้อนะครับ...ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จนะครับ....

By Yutth with No comments

วันที่ 5 เดือน 5 ปี 2555

ก่อนจะโพสบทความต่อๆไป ผมก็ขอ in trend กันสักหน่อย เกี่ยวกับ วันที่ 5/5/2555 เลขสวยเลยใช่มั้ยครับ.... ตรงกับวันพระด้วยนะครับ และก้เป็นวันฉัตรมงคลอีกด้วย...และทางศาสตร์เกี่ยวกับวัตถุมงคลก็เป็นวันเสาร์ 5 อีกด้วยครับ...อะไรจะเหมาะกันขนาดนี้...
ยังไงบทความนี้ก็ขอให้เป็นไปตามความเชื่อส่วนบุคคลก็แล้วกันนะครับ...

โหรชี้ 5-5-55 เป็นฤกษ์ดีของปี ดาราแห่จัดงานแต่ง โรงแรมใหญ่ในกรุงเทพถูกจองเต็มหมด ด้านวัดต่าง ๆ ใช้โอกาสนี้สร้างวัตถุมงคล

          เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหรนานาชาติ กล่าวว่าวันที่ 5 เดือน 5 ปี 55 ถือเป็นวันที่ฮือฮา เพราะมีเลขตรงกัน 4 ตัว ในทางโหราศาสตร์ หากนำวันเดือนปีมารวมกัน จะได้เลข 15 ซึ่งเป็นตัวแทนของดวงอาทิตย์และดาวพฤหัสบดี เป็นคู่มิตรส่งเสริมกันระหว่างผู้ใหญ่และผู้น้อย และเมื่อนำเลข 1 มาบวกกับ 5 จะได้เลข 6 เป็นตัวเเทนของดาวศุกร์ เทพีความงาม ความรัก ดังนั้น ด้านความรักศิลปะ ธุรกิจบันเทิง การเงิน จะได้รับการส่งเสริม

          อีกทั้งวันที่ 5 เดือน 5 ปี 55 ตรงกับวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันอธิบดี หมายถึง เหมาะแก่การทำงานใหญ่ ๆ เช่น งานแต่ง งานฉลอง ปลูกเรือน วางเสาเอก และเป็นมงคลฤกษ์ เหมาะกับการหมั้นหมาย สู่ขอ แต่งงาน จะได้คู่ครองที่อุปถัมภ์กัน ส่วนฤกษ์ล่างเป็นสิทธิโชค โครงการระยะยาวจะสำเร็จผล ถ้าสมรสจะอยู่กันยืนยาว ส่วนที่กังวลว่าวันเสาร์จะเป็นวันบาปเคราะห์นั้น แม้ว่าวันเสาร์จะเป็นวันแรง แต่ปีนี้ดาวเสาร์เป็นอธิบดี และมีดาวมาตรฐานดีหลายองค์ ย่อมส่งผลดีมากกว่าผลเสีย

          ด้านนายลักษณ์ เรขานิเทศ โหรฟันธง ชี้ว่า ฤกษ์ประจำเดือนพฤษภาคมคือ วันที่ 5 พฤษภาคม 2555 ซึ่งตรงกับวันฉัตรมงคล ถือเป็นวันมหามงคลของชาวไทย และเป็นวันพระ ขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันที่โลกมนุษย์ สวรรค์ และบาดาล พิภพ เปิดถึงกัน และท้าวจตุบาลทั้ง 4 เสด็จมายังโลกมนุษย์ เพื่ออนุโมทนาบุญกุศล และปีนี้ยังเป็นปีพญานาค ตรงกับปีมังกรของชาวจีน ซึ่งเป็นสัตว์เทพเจ้าที่เป็นสุดยอดมหามงคล ดาวพฤหัสได้ตำแหน่งราชาโชค ดาวอาทิตย์ได้ตำแหน่งมหาอุจจ์ ดวงจันทร์ได้ตำแหน่งจุลจักร ถือเป็นฤกษ์ชนะมาร ชนะคน เกิดมงคลแก่ชีวิต

          นอกจากนี้ ในวันดังกล่าว ยังมีการจัดพิธีเททองหรือพุทธาภิเษกวัตถุมงคลทั่วประเทศ ทั้งที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จะจัดเททองวัตถุมงคลรุ่นเบญจนวมงคล ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา หรือวัดบัวขวัญ จ.นนทบุรี จะจัดพิธีบวงสรวงเทวดา และหล่อสร้างพระกริ่งพระชัยวัฒน์เสาร์ 5 จันทร์คุรุสุริยา มหามงคลประวัติศาสตร์ เพื่อให้เป็นประวัติศาสตร์ของวันเสาร์ 5 มหามงคล

          นอกจากนี้ วัดหิรัญญาราม จ.พิจิตร จะได้จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อเงิน รุ่นแทนคุณ และวัดวิเวก จ.แพร่ จัดพิธีพุทธาภิเษกจัดสร้างวัตถุมงคล รุ่นเสาร์ 5 อีกด้วย

          ในขณะที่วงการบันเทิง ก็มีดาราหลายคู่ ที่ใช้ฤกษ์ 5-5-55 ในการแต่งงาน ทั้งคู่ของ ก้อย-วลัยลักษณ์ มุสิกโปฎก และ โย่ง-อนุสรณ์ มณีเทศ ที่ทั้งคู่ คบหาดูใจกันมานานกว่า 10 ปี และวางแผนแต่งงานเมื่อปลายปี 2554 แต่ต้องเลื่อนงานออกไปเนื่องจากมีปัญหาน้ำท่วม จนกระทั่งได้ฤกษ์วันที่ 5 พฤษภาคม 2555 จัดงานแต่งงานที่มิวเซียมสยาม ราชดำเนิน ส่วนอีกคู่ที่ได้ฤกษ์ 5-5-55 คือคู่ของต่าย-ชุติมา ทีปะนาถ และ ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หลังจากที่ทั้งคู่คบหาดูใจกันมากว่า 4 ปี และจะจัดงานแต่งงานที่ห้องศิลาดล โรงแรมสุโขทัย

          นอกจากนี้ จากการสอบถามโรงแรมต่าง ๆ ชื่อดังในกรุงเทพ ปรากฏว่า ในวันนี้ โรงแรมถูกจองหมดแล้ว ทั้งในเครือเซ็นทารา ที่มีลูกค้าโทรมาจองห้องล่วงหน้าจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นงานแต่งงาน หรือโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ที่ห้องจัดเลี้ยงถูกจองเต็มตั้งแต่ปีที่แล้ว ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเย็น และเเม้ห้องจัดเลี้ยงจะเต็มแล้ว แต่ลูกค้ายังโทรมาสอบถามไม่ขาดสาย หรือโรงแรมเจดับบลิว มาริออท ที่มีการจัดงานแต่งงาน 1 คู่ เนื่องจากทางโรงแรมสามารถรองรับงานใหญ่ได้เพียงงานเดียว


ขอบคุณเนื้อหาจากข่าวสด และ kapook.com

By Yutth with No comments

เครื่องมือทำนาย อนาคตของมนุษย์ 1

                         วันนี้ขอมาอัพเดทบล็อกกันต่อเกี่ยวกับเรื่อง How to Success... เนื้อหาต่อไปนี้ผมก็ยกเอามาจากการอ่านหนังสือเช่นเดิม...และผมก็คิดว่า มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ...

                         หนังสือเล่มนี้ ติดอันดับหนังสือขายดีของ SE-ED ด้วยนะครับ... ผู้เขียนคือ คุณสมคิด  ลวางกูร เจ้าของวลีที่ว่า "วลีกวนตา  วาจากวนตีน" ชื่อหนังสือคือ "ไอ้แป๊ก... คนไทย...ที่อายุน้อยที่สุด...และเก่งที่สุดในโลก..."

                        สรรพคุณของผู้เขียน ขอบอกเลย สุดยอดเอามากๆ...ผมอ่านหนังสือเล่มแรกของเขาคือ "พลิกชีวิต...จากหายนะ...สู่ความสำเร็จ..." อ่านแล้ววางไม่ลงนะครับขอบอกกันเลยตรงนี้...อ่านแล้วไฟลุกท่วมหัวเลยนะครับ... (เฉพาะคนที่ค้นหาความสำเร็จนะครับ) ชีวิตแบบว่าเวอร์สุดๆ ทรหดสุดๆ ฮาร์ดคอร์เลยก็ว่าได้... ลองไปหาอ่านกันดูนะครับ...ผมขอการันตี...ราคาก็หยิบซื้อกันได้สะดวกแค่ 150 บาท...

                        มาเข้าเรื่องกันต่อนะครับ...กับเครื่องมือทำนายอนาคต... การเลือกบริโภคข้อมูล และการเลือกสื่อเป็นตัวทำนายอนาคต...เอาง่ายๆเลยครับ

1. เพื่อนที่คุณคบ
2. หนังสือที่คุณอ่าน

ดูง่ายๆแค่ 2 อย่างก็จะรู้อนาคตอีก 2 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี จะเป็นเช่นไร

คุณคบเพื่อนแบบไหน นั้นก็เป็นสิ่งแวดล้อมหนึ่งที่พาคุณดำเนินไป...ถ้าเลือกคบเพื่อนประเภท แทงบอล เล่นดัมมี่ เล่นป๊อกเด้ง กินเหล้า เที่ยวผู้หญิง เล่นเกมส์วินนิ่ง  รับรองเลย ชีวิตคุณหายนะแน่ๆ...

แต่ถ้าคบเพื่อนที่ตั้งใจทำมาหากิน สร้างธุรกิจของตนเอง มีวิสัยทัศน์ รับรองเลยคุณก็จะเป็นแบบนั้น เพราะคุณจะปล่อยเพื่อนคุณสำเร็จไปคนเดียวไม่ได้...

ผมไม่ได้บอกให้คุณเลิกคบใครนะครับ... แต่คุณต้องมีปัญญา เราไม่ทิ้งเพื่อนไปไหนหรอก...แต่ถ้าเราเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เดี๋ยวเราก็จะเจอกลุ่มที่เป็นแบบเราเอง...เช่น ถ้าคุณต้องการที่จะหยุดกินเหล้า...แล้วมีเพื่อนมาชวน คุณก็บอกไปว่าไปได้นะ แต่ขอ งด การดื่ม...ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ กินแต่โค้ก...รับรองต่อไปเพื่อนคุณก็เข้าใจเองและก็ไม่ชวนคุณอีกเลย มันก็ไปชวนคนอื่นกิน เมามายต่อไป...แต่คุณก็จะมีชีวิตที่มีสาระมากขึ้น...และเพื่อนดีๆ ชวนทำสิ่งดีๆก็มีมากขึ้น...เพื่อนคุณก็ไม่ได้ลดลงเลย แค่คุณจะมีเพื่อนดีๆ เพิ่มมาอีกมากมาย...

เรื่องนี้ผมลองมาแล้วครับ รับรองแจ่ม... ผมเลิกดื่มสุรามาแล้ว 5 ปี  ไม่เห็นเสียเพื่อนเลย...เพื่อนมันก็ยังชวนไปโน่นนี่นะ...เราก็ไป แต่เพื่อนก็รินแต่โค้กให้เรา...เห็นมั้ยครับ...ไม่เห็นเสียเพื่อนเลย...

เดี๋ยวผมจะมาต่อ ภาค 2 ในบทความนี้นะครับ...เพราะเรื่องมันยาวครับ... ขอบคุณมากครับที่ กรุณามาอ่าน... ^^

By Yutth with No comments

The top secret แบบฉบับภาษาไทย 2

         วันนี้ขอแบบต่อเนื่องเลยแล้วกันนะครับ...สัก 2 บทความ... ที่จริงแล้วผมไม่ได้มีส่วนได้ ส่วนเสียกับหนังสือหลายๆเล่มที่กล่าวมานะครับ... แต่เป็นการแนะนำจากผมเท่านั้น... ถ้าสำนักพิมพ์เขาอยากให้เงินค่าโฆษณาก็ยินดี ฮ่าาาา ^^"....   เอาเป็นว่าหนังสือเล่มไหนอ่านแล้วรู้สึกประทับใจผมก็จะมาแนะนำเรื่อยๆนี่แหละครับ... บทความที่แล้วตั้งใจจะแนะนำหนังสือ เดอะ ท็อป ซีเคร็ต แต่ไม่รู้ไปแวะหนังสือเล่มอื่นได้อย่างไรกัน...เอาเป็นว่ามาแนะนำหนังสือเล่มนี้กันเลยครับ เขียนโดย ทพ.สม  สุจีรา เช่นเดิม...
        ที่จริงแล้วหนังสือเล่มนี้มี 2 เล่มด้วยกันนะครับ แต่ผมขอแนะนำเล่มที่ 2 ไปเลยแล้วกัน เอาแบบรวบรัดจบหลักสูตรกันไปเลย...
        หนังสือเดอะท็อปซีเคร็ต 2 มีเนื้อหาทั้งหมด 5 บทด้วยกัน...แต่ละบทก็ชวนให้อยากเปิดอ่านเลยทีเดียว... บทที่ 1 จะกล่าวถึงเคล็ดลับความสำเร็จด้านการเรียน ใครอยากเรียนเก่งก็รีบอ่านบทนี้กันเลย... บทที่ 2 จะกล่าวถึงเคล็ดลับความสำเร็จในหน้าที่การงาน.... ใครที่เป็นพนักงาน ห้างร้าน ลูกจ้าง (รวมทั้งผมนี่แหละครับ) อ่านด่วนเลยครับ.... บทที่ 3 จะกล่าวถึงเคล็ดลับความสำเร็จด้านธุรกิจ.... บทที่ 4 จะกล่าวถึง เคล็ดลับความสำเร็จด้านชีวิต... บทสุดท้าย จะกล่าวถึง ความสำเร็จที่แท้จริง... สุดยอดเลยใช่มั้ยครับ...แต่ละบทละเอียด ลึกซึ้งขึ้นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เด็กเกี่ยวกับการเรียน จนกระทั่งชรา เลยก็ว่าได้...
สรุปเลยครับ...หนังสือดีควรหยิบมาอ่านซะ...แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน... โชคดีทุกคนนะครับ....

By Yutth with No comments

The top secret แบบฉบับภาษาไทย 1

        โพสก่อนหน้านี้ ผมก็เคยได้เขียนเรื่องราวของหนังสือน่าอ่านคือ The Secret และ ต่อมาด้วย The Meta Secret ซึ่งหนังสือทั้ง 2 เล่มนั้นเป็นการเขียนของชาวต่างประเทศ... ผมก็คิดไปคิดมา แล้วมีคนไทย คนไหนที่รู้เรื่องศาสตร์แห่งความลับนี้บ้าง... ที่จริงแล้วมีเยอะมากนะครับ...แต่ผมขอยกตัวอย่างเด่นๆเลยนะครับ เพราะเขาคนนี้ เป็นนักเขียนที่เขียนหนังสือมาหลายเล่มมาก แต่ละเล่มติดอันดับ Best seller กันถ้วนหน้า...เล่มแรกๆเลยก็คือ "ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น" เล่มนี้ดังมากเลยครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าพิมพ์ไปแล้วกี่เล่ม แต่ที่แน่ๆ เกินแสนเล่มแน่นอนครับ...เนื้อแน่นปึ๊ก...เป็นวิทยาศาสตร์ที่สอดคล้องกับแนวพุทธศาสนา... ทำไมไอน์สไตน์จึงกล่าวว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งจักรวาล... ก็เพราะว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เป็นจริงระดับจักรวาล ไม่ใช่แค่ระดับโลก...นี่ก็แสดงว่า ไอน์สไตน์ได้พบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับศาสนาพุทธ แต่เขาได้เสียชีวิตลงไปก่อนที่การพิสูจน์จะเกิดขึ้น...

     

                หนังสือเล่มนี้ เป็นการบ่งบอกได้ว่าผู้เขียน มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาก และต้องเป็นนักอ่านตัวยงแน่นอน เพราะแต่ละหน้า จะมีเชิงอรรถ มากมายที่อธิบายที่มาที่ไปของแต่ละส่วน... อธิบายใน บล็อกไม่หมดแน่ครับ...แต่ขอแนะนำให้อ่านเลยนะครับ แม้จะเก่ามากแล้วแต่เนื้อหาก็ทันสมัย...ตอนนี้ก็ออกเล่ม 2 มาแล้วนะครับ...ที่จริงก็ออกมาเป็นปีแล้วหล่ะครับ...เชิญชวนมาอ่านหนังสือดีๆกันนะครับ... อ่อ...เกือบลืมบอกไปนักเขียนท่านนี้คือ ทพ.สม  สุจีรา  นั่นเองครับ...

By Yutth with No comments

สมดุลโลก...

         เปลี่ยนแนวมาทางพุทธศาสนากันบ้างนะครับ... ผมบังเอิญได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า " ผลบุญคือกำลังชีวิต สมดุลโลก สมดุลใจ สมดุลธรรม" เขียนโดยพระภาสกร  ภูริวัฑฒโน ...ตอนแรกเห็นหน้าปก บอกตรงๆว่าจะหยิบมาอ่านดีมั้ยน๊อ... ดูแล้วเหมือนจะเป็นทฤษฎีธรรมล้วนๆ... แต่ผิดถนัดเลยครับ... เนื้อหาเป็นแบบวิทยาศาสตร์เนื้อหาชวนอ่านและน่าติดตามจนวางไม่ลงเลยครับ...
        บทความนี้ ผมจะยกเอาเรื่องสมดุลโลกมากล่าวคร่าวๆนะครับ... ส่วนสมดุลใจ และสมดุลธรรม ท่านลองไปหาซื้อมาอ่านกันเลยนะครับ...เล่มบางๆประมาณ 120 หน้าเท่านั้น... อ่านจบแล้วท่านจะเข้าใจ กฏแห่งกรรม มากยิ่งขึ้น เพราะทุกอย่างล้วนสมดุล...มีแรงใดกระทำไปก็มีแรงกลับมาเช่นกัน...
       สมดุลโลกกล่าวไว้ว่า เมื่อเรากระทำให้อะไรออกไปที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายนอก ก็ย่อมได้ผลเช่นนั้นกลับมาเหมือนกัน...เคยมั้ยบางครั้งรู้สึกดวงซวย หรือบางครั้งก็ เฮง...เป็นไปได้มั้ยที่ก่อนหน้านั้น หมายถึงชาติที่แล้วเราเคยกระทำอะไรบางอย่างและมีผลมาเกิดขึ้นในปัจจุบัน...
       สมมุติว่าพรุ่งนี้เป็นวันตายของเรา...แล้วสิ่งที่เราทำไปทั้งดีและชั่วจะให้ผลยังไงกันหล่ะ... ถ้าทฤษฎีสมดุลโลกเป็นจริง ก็ย่อมให้ผลหลังความตาย...นี่ก็หมายถึงว่า เรามีชาติต่อๆไปใช่หรือไม่... เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งใดที่เราทำแก่โลกมาก เราก็จะได้กลับมามากเช่นกัน... เพราะฉะนั้นแล้ว จงเชื่อมั่นในความดีที่เราได้กระทำลงไป อย่าเฝ้ารอโชควาสนา เพราะทุกอย่างการกระทำของเราได้กำหนดเส้นทางไว้แล้ว... ขอให้ทุกท่านมีความสุขกันนะครับ...ขอบคุณครับที่อ่านบทความนี้...

By Yutth with No comments

Dr.Mel Gill - The Meta Secret, WoodyTalk (CH9) - 27 Mar 2011

                  วันนี้ก็ขอเอา Link youtube มา share เหมือนเดิมอีกครั้งนะครับ... เป็นการสัมภาษณ์สด Dr. Mel Gill ในรายการ Woody Talk ก็ผ่านมากว่า 1 ปีแล้วครับ... แต่ผมว่าหลายๆท่านคงไม่ได้รับชมกัน... เชิญชมได้เลยครับ... Meta Secret หนังสือเล่มนี้ น่าสนใจจริงๆ...

By Yutth with No comments

Movie Trailer - The Meta Secret : จุดเริ่มต้นของความลับเหนือโลก

                  วันนี้ผมได้เอา Link จาก youtube มาให้ได้ชมกันนะครับ...ดูเป็น Movie กันไปเลย...ดูแล้วสงสัยจะพากันรีบไปหาซื้อหนังสือกันหล่ะคราวนี้... นี่เป็นไตเติลของเรื่องที่เขาได้ค้นพบความลับทั้งหมด 7 ข้อ...มีอะไรบ้างก็ลองไปหามาอ่านนะครับ...แต่ถ้าอยากรู้เดี๋ยวผมอาจจะค่อยๆลงให้อ่านกัน...เอาเป็นว่าเราไปดูวีดีโอกันเลยนะครับ... ^^




By Yutth with No comments

ความลับเหนือโลก ในมุม "ดร.เมล กิลล์" The Meta Secret


ความลับเหนือโลก ในมุม 'ดร.เมล กิลล์'
โดย : เพ็ญลักษณ์ ภักดีเจริญ

             วันนี้อาจจะได้อ่านยาวนะครับ... แต่สำหรับท่านที่ต้องการความสำเร็จ ผมว่าเนื้อหามันสั้นไปนิดนึง... ดร.เมล  กิลล์ คือใคร? หลายท่านอาจะถาม แต่ที่แน่ๆเขาเคยตายมาแล้ว 19 นาที... คำว่าตายนี้ หมายถึงคำวินิจฉัยของแพทย์นะครับ ไม่ใช่เดาเอา...แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่แท้จริงแล้วนั้น เขาเดินทางไปยังชีวิตหลังความตาย... สุดยอดเลยใช่มั้ยครับ...เขาได้เอาความลับเหนือโลก มาเผยแพร่ให้พวกเราได้รับรู้... แค่เกริ่นมา ผมเองยังขนลุกไม่หาย... ยังก็หลังจากอ่านบทความนี้แล้วก็ลองไป อ่านหนังสือเล่มเต็มๆกันดูนะครับ... แล้วท่านอาจจะพบกับสิ่งดีๆ ที่เปลี่ยนชีวิตของท่านก็ได้...

เขาเป็นนักพูดสร้างแรงจูงใจ นักจิตบำบัด และนักเขียน มีคนบอกว่าเขารู้ความลับเหนือโลกในช่วงเวลาหลังความตาย19นาที อะไรคือความลับที่เขาล่วงรู้..

“สิ่งที่ผมค้นพบ ก็คือ ความจริงที่มีอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนสมัยพระพุทธเจ้า พระองค์ได้ค้นพบความจริง และกฎ 7 ข้อที่ผมค้นพบ ถ้านำมาใช้กับชีวิต จะทำให้เรามีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ก็ต้องระวัง” ดร.เมล กิลล์ เล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดี
 หลายคนคงได้ยินข่าวคราวและชื่อเสียงของเขาอยู่บ้าง เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักพิมพ์ดีเอ็มจีได้เปิดตัวหนังสือ สุดยอดเดอะซีเคร็ต เขียนโดยดร.เมล กิลล์ นักจิตบำบัดและนักพัฒนามนุษย์ ที่ได้รับเชิญไปบรรยายกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบันเขาเป็นที่ปรึกษาของซีอีโอกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาหลายแห่ง
 นอกจากเดินทางมาเปิดตัวหนังสือ ยังมี "ดินเนอร์ทอล์ค" ที่นักธุรกิจชั้นนำของเมืองไทยให้ความสนใจ ใน "ความลับ" ที่เขาเอามาแบ่งปัน

Photo from : http://www.squidoo.com

1.
 หากตั้งคำถามว่า ทำไมมนุษย์พยายามค้นหาความลับของจักรวาล ในความคิดเห็นของดร.เมล กิลล์ มองว่า สิ่งที่เขาค้นพบเป็นเรื่องธรรมดาๆ ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ คุณมีสิทธิที่จะมีความสุข ทั้งหมดอยู่ที่ความคิดและความเชื่อ
 สิ่งที่เปลี่ยนวิธีคิดของเขาทั้งชีวิต คือ ความตายในช่วงเวลา 19 นาที เขาโดนตัดแขนซ้าย เนื่องจากตอนอายุ 19 ปีเขาเดินทางไปปีนเขาที่มาเลเซียและประสบอุบัติเหตุตกเขา แขนหัก บอบช้ำมาก ได้เพื่อนๆ ช่วยกันแบกออกมาจากป่า แล้วเดินทางมารักษาตัวที่สิงคโปร์
 "ตอนนั้นหัวหมุนไปหมด เจ็บปวดมาก จนไม่รู้จะบอกยังไง ตอนผ่าตัดผมเห็นทุกอย่าง เห็นหมอและพ่อแม่กำลังร้องไห้ พวกเขาตัดแขนซ้ายผมบริเวณเหนือข้อศอก เพื่อสกัดเนื้อตายเน่าที่ลุกลาม ผมตายแล้ว ตับไตไม่ทำงาน รู้สึกเหมือนตัวเองลอยขึ้นไปสู่เพดาน เห็นเหมือนอุโมงค์แสงสว่าง และเห็นคนๆ หนึ่งบอกผมว่า คุณต้องกลับไปนะ”
 19 นาทีที่ตายไปแล้ว และฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ดร.เมลเปลี่ยนวิธีคิดและการใช้ชีวิต เพราะได้เรียนรู้บางอย่าง
 "มิติหลังความตายในช่วง 19 นาที ทำให้ผมเปลี่ยนไป ผมยกตัวอย่างเรื่องหนึ่ง ตอนผมอายุเจ็ดขวบ มีเพื่อนอายุ 9 ปีเกเรมาก ผมก็เลยผลักเพื่อนคนนั้นตกบันไดเลือดไหล ความทรงจำอีกด้านหนึ่งของผมบอกว่า เลือดของเพื่อนคนนั้นอยู่ในตัวผมด้วย เหมือนผมเป็นคนที่เจ็บปวด สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ การกระทำของเราแม้จะเล็กน้อย แต่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตคนอื่นได้ แทนที่เด็กคนนั้นจะเติบโตเป็นหมอ ปรากฎว่าเปลี่ยนมาเป็นพระ”
 เรื่องที่ดร.เมล เล่าให้ฟัง คงต้องมองในเชิงนามธรรม เพราะเสี้ยววินาทีแห่งความตายในวัยหนุ่ม ทำให้เขาได้ค้นหาความหมายของชีวิตเป็นเวลา 40 ปี เขาเรียนจบปริญญาเอกด้านจิตบำบัด ทำงานให้คำปรึกษาบุคคล และเป็นที่ปรึกษาผู้บริหารระดับสูง รวมถึงจัดรายการวิทยุ เขียนหนังสือด้านจิตวิทยากว่า 60 เล่ม กำกับและสร้างภาพยนตร์ "สุดยอดเดอะซีเคร็ต"


2.

 ความจริงที่ศาสดาหลายศาสนาค้นพบบนโลกใบนี้ ใช่ว่า...ทุกคนจะเข้าถึงได้ง่ายๆ จึงมีคนพยายามไขความลับของจักรวาล เรื่องนี้ ดร.เมล กิลล์ มองว่า ความจริงเหล่านี้มีอยู่บนโลก แต่คนเข้าไม่ถึงเท่านั้นเอง
 “คนที่มีประสบการณ์ใกล้ตาย ไม่ใช่ผมคนเดียว ยังมีผู้ป่วยที่ใกล้ตายจำนวนมาก เหมือนเสียชีวิตไปแล้ว แต่แพทย์ดึงกลับมาได้ ผมไม่อาจบอกได้ว่า สิ่งที่ผมค้นพบเป็นแนวคิดพุทธ คริสต์หรือฮินดู แต่เป็นประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้น ทำให้ผมได้เรียนรู้ธรรมชาติทั้งคน ต้นไม้ ดอกไม้” 
  ใช่ว่า...ชีวิตหลังความตายไม่กี่นาทีจะเปลี่ยนเขาในทันที เขาต้องค้นหา จึงเป็นทั้งนักเดินทาง นักอ่านตัวยง อ่านแม้กระทั่งปรัชญาเฮอร์เมติกของชาวอียิปต์โบราณ กฎฟิสิกส์ ธุรกิจ ปรัชญาและจิตวิทยา ฯลฯ และมีบางช่วงเขาก็ไม่ต่างจากคนอื่น ท้อแท้ สิ้นหวัง กลายเป็นคนพิการ สูญเสียครอบครัว เพื่อนและธุรกิจ
 “ผมไม่ได้นับถือศาสนาใด ผมมีความเชื่อว่า เราทุกคนเป็นพี่น้องเผ่าพันธุ์เดียวกัน ผมมั่นใจว่า พระพุทธเจ้าก็ไม่ใช่พุทธ พระองค์ไม่ได้ให้ใครมานับถือตัวตน แต่ให้นับถือสิ่งที่ตรัสรู้หรือแนวทางปฎิบัติ พระองค์ไม่ได้สนใจว่าเป็นพุทธหรือไม่“
 กว่า 40 ปีที่ดร.เมล เดินทางไปพบครูบาอาจารย์ทุกศาสนา เพื่อเรียนรู้ชีวิตทั้งฮินดู พุทธ อิสลาม และอ่านหนังสือทุกศาสนา จึงไม่แปลกที่บ้านของเขาที่ชิคาโกและสิงคโปร์มีหนังสือมากมาย
 "ผมเชื่องช้าในการเรียนรู้จึงใช้เวลานาน ที่ผ่านมาผมเขียนหนังสือจิตวิทยากว่า 64 เล่ม และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาความทรงจำในช่วง 19 นาทีผมชัดเจนมาก จึงนำมาเขียนหนังสือ หากใครพูดถึงบิดาแห่งจิตวิทยา ผมขอยกย่องพระพุทธเจ้าเป็นอันดับหนึ่งของโลก”
 แม้เขาจะหย่าขาดจากภรรยา และมีลูก 2 คน เขาบอกว่า ไม่ได้คิดว่าชีวิตการแต่งงานล้มเหลว เขากลายเป็นที่ปรึกษาให้ภรรยาและสามีใหม่ของเธอ เพราะมีความเชื่อว่า ถ้าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ชีวิตลูกๆ ก็จะราบรื่นไปด้วย
 "ผมมีหน้าที่ทำให้ทุกคนมีความสุข เมื่อภรรยาไม่มีความสุขที่จะอยู่กับผม อยากกลับไปหาคนรักสมัยมัธยม ผมก็ขับรถพาไป สำหรับผมแล้วความรักที่แท้จริง ต้องไม่ใช่การผูกมัดหรือเป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน ชีวิตผมที่ผ่านมาธรรมดามาก มีลูกก็ใช่ว่าเขาจะฟังผม ” ดร.เมล ยิ้มระหว่างตอบคำถาม


3.
 สิ่งที่ดร.เมล กิลล์ อยากบอกเล่า เป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่มนุษย์มองข้าม เขายกตัวอย่าง กฎ 7 ประการที่เขาค้นพบ อาทิ  กฎมโนนิยม กฎแห่งความสั่นสะเทือน กฎแห่งเพศ กฎแห่งขั้วตรงข้าม ฯลฯ อย่างกฎมโนนิยม เป็นเรื่องใจหรือจิต ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากใจเราทั้งนั้น จึงต้องฝึกจิตใจให้สงบเพื่อรับกับสถานการณ์
 "จำได้ว่า เมื่อก่อนผมสวดมนต์ จะอธิษฐานขอนั่นนี่  ตอนนี้ผมไม่ทำอย่างนั้นแล้ว”
 ทำไมไม่อธิษฐานขอพรเหมือนเดิม เขาเล่าเรื่องสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชให้ฟังว่า พระองค์เสด็จไปที่วัดแห่งหนึ่งที่มีคนสวดมนต์อธิษฐานขอพร ระหว่างนั้นพระสงฆ์ในวัดเดินออกมา เมื่อเห็นพระองค์กลับเดินหนี 
 พระเจ้าอโศกฯ ถามพระสงฆ์ว่า “ทำไมเดินหนีกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่”
 พระสงฆ์ตอบว่า “มีคนปลุกให้พระลุกจากสมาธิ เพราะมีมหาราชผู้ยิ่งใหญ่เดินทางมา แต่เมื่อเดินออกมา แทนที่จะเห็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ กลับเห็นขอทานนั่งขอนั่นขอนี่”
 เขายกตัวอย่างกฎอีกข้อคือ กฎแห่งการดึงดูด ถ้าเราดึงสิ่งใดเข้ามาสู่ตัวเรา แม้จะง่ายที่ใครสักคนมารักเราหรือแต่งงานด้วย แต่สิ่งยากที่สุดคือ การกำจัดบางอย่างออกไปจากชีวิต ต้องระวังให้ชีวิตเกิดความสมดุล  หรือกฎแห่งการสั่นสะเทือน ถ้าเราอยู่ใกล้ใคร เราก็จะเป็นอย่างนั้น
 "ถ้าคุณนำผ้าเช็ดหน้าไปวางไว้บนดอกกุหลาบ ก็จะมีกลิ่นดอกกุหลาบ ถ้าวางในกองมูลวัว ก็จะมีกลิ่นอย่างนั้น ถ้าเราเอาความคิดและจิตใจไปไว้ตรงไหน ก็จะกลายสภาพเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่ผมพยายามทำคือ รักษาความสงบของจิตใจ เพราะใจของเราจะส่งพลังงานออกไปข้างนอก
ไม่ว่าผมจะอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายขนาดไหน ผมก็สามารถอยู่ตรงนั้นได้อย่างมีความสุข ”
 ว่าไปแล้ว ชีวิตของเขาไม่ได้เริ่มจากการเป็นนักพูดที่มีคนฟังมากมาย แต่เริ่มจากการให้คำปรึกษาคนในครอบครัว เพื่อนและขยายวงไปเรื่อยๆ จนปัจจุบันเขาเป็นนักพูดที่สร้างแรงจูงใจในหลายประเทศ ทั้งอเมริกา สิงคโปร์และญี่ปุ่น ฯลฯ
 “ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นครูของผม ผมนั่งอยู่ในห้องนี้ เห็นต้นไม้ก็เห็นฤดูของชีวิต เพราะเราเรียนรู้ตลอดเวลา”


4.
 ดร.เมล สอนผู้คนในหลายประเทศกว่า 34 ปี กฎของจักรวาลอีกข้อที่เขาได้เรียนรู้ก็คือ  “ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นเช่นนั้นเอง”
 "ผมไม่ได้มาสอนอะไร แค่มาเตือนหรือตอกย้ำความจริง เรารู้อยู่แล้ว แต่เราลืมสิ่งที่เป็นความจริง ผมขออ้างคำสอนว่า พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะไม่ได้นำธรรมะที่เป็นคำพูดมาเผยแพร่ แต่จะสอนโดยไม่ใช้คำพูด ปฏิบัติเป็นตัวอย่างให้เห็น เวลาผมไปพูดในประเทศต่างๆ ผมพยายามอิงกับศาสนาประเทศนั้น เพื่อให้คนเข้าใจได้ง่าย อย่างในประเทศบัลแกเรีย คนส่วนใหญ่ไม่นับถือศาสนา แต่ใช้สามัญสำนึก ผมก็ใช้กฎขั้วตรงข้าม แทนที่จะเปรียบเทียบกับคนที่รวยกว่า ก็เปรียบเทียบกับคนที่จนกว่า”
 เขาย้ำอีกว่า ความจริงที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว อยู่ในจิตใต้สำนึก ชีวิตคนเราสั้นมาก เราควรสนุกกับชีวิตในทุกขั้นตอน
 “ผมคิดตลอดเวลาว่า พรุ่งนี้ผมจะตายแล้ว อะไรที่ยังไม่ได้ทำผมพยายามทำในปีนี้ ผมวางแผนว่า จะเขียนหนังสือหรือทำไฟล์เสียง 250 เรื่อง ผมกำลังจะสร้างหนังเรื่องใหม่ ในออฟฟิศผมจะเขียนไว้ว่า “we are one”( เราเป็นหนึ่งเดียวกัน) ถ้าเราสามารถอ่านความคิดหรือเข้าใจคนอื่นได้ ก็จะรู้ว่า เราต่างมีความทุกข์และความเครียดเหมือนกัน ถ้าเราเข้าใจก็จะให้อภัยคนอื่นได้”
 เรื่องนี้มีคำอธิบายต่อว่า มนุษย์เรามีความต้องการที่อันตราย 7 ข้อ ข้อหนึ่ง คือ ความต้องการเอาคืน ถ้าใครทำให้เราเจ็บใจหรือเสียใจ เรามักจะเอาคืน ยกตัวอย่างเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มีคนมาด่าว่าเรา เราฝังใจ คิดอยู่เสมอว่าถ้ามีโอกาสจะเอาคืน
 "นั่น...ทำให้เราไม่มีความสุข แต่ถ้าเราเข้าใจว่า เราต่างเป็นหนึ่งเดียวกัน ในเรามีเขา ในเขามีเรา ก็จะเข้าใจความทุกข์ของคนอื่น"


5.
 คงไม่บ่อยนักที่จะมีดินเนอร์ทอล์คเพื่อไขปริศนาชีวิต เรื่องที่เขาเล่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ทำไมคนอยากรู้
ดร.เมล เล่าว่า นักจิตบำบัดและนักจิตเวชกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ มีความเชื่อว่า ประชากรในโลกนี้มีความเจ็บปวดด้วยโรคจิตอย่างหนึ่ง บางคนไม่อาจจำแนกได้ว่า อะไรคือจินตนาการ อะไรคือเรื่องจริง  
  “คุณเคยพูดกับตัวเองไหม อย่างน้อย 50,000 ประโยคในแต่ละวันที่เราพูดกับตัวเอง 80 เปอร์เซ็นต์ของการพูดกับตัวเองเป็นเรื่องแง่ลบ ถ้าคุณไม่ชอบในสิ่งที่คุณเป็น คุณเปลี่ยนแปลงได้ คุณต้องหัดชมคนอื่น ถ้าวันไหนไม่ได้รับคำชม คุณควรให้คำชมเชยคนอื่น เพราะการชมคนอื่นง่ายกว่าการชมตัวเอง  ทำไมคนอเมริกันมาแย่งงานคนเอเชียทำ เวลามีคนถามคนอเมริกันว่า คุณเก่งในงานที่ทำหรือไม่ พวกเขาบอกว่า เยี่ยม เพราะเขาไม่มีปัญหาเรื่องการนับถือตัวเอง "
 ระหว่างการพูดบนเวที บางครั้งเขาเปิดโอกาสให้คนฟังยกมือแสดงความเห็น และให้ชื่นชมซึ่งกันและกันในโต๊ะดินเนอร์ เขาย้ำกฎบางข้ออีกว่า  ความสำเร็จ มาจากความคิด และต้องมีความเชื่อโดยไม่มีข้อสงสัย
 ดร.เมล พยายามย้ำเตือนเพื่อให้คนฟังเปลี่ยนแปลงความคิดด้านลบออกจากหัว เพื่อให้มีความรักในชีวิตและร่างกายตัวเองมากขึ้น
 “คนส่วนใหญ่ไม่ชอบร่างกายตัวเอง ชอบให้รูปร่างหน้าตาเหมือนคนอื่น ผู้หญิงพยายามจะดูเหมือนนางแบบ จริงๆ แล้วมีสุดยอดนางแบบ 300 คนทั่วโลก แต่ผู้หญิง 3,000 ล้านคนพยายามจะเป็นแบบนั้น ทั้งๆ ที่สุดยอดนางแบบไม่ใช่สิ่งปกติ คุณปกติอยู่แล้ว”
 เหมือนเช่นที่กล่าว สิ่งที่เขาพูดก็เป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่มนุษย์สามารถทำได้ แต่มนุษย์หลงลืมอะไรบางอย่าง ดร.เมล บอกว่า เขาพยายามบอกตัวเองว่า พรุ่งนี้เขาอาจไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
 "ผมขอบคุณจักรวาลที่ผมยังมีชีวิตอยู่ เพื่อมีโอกาสแก้ปัญหาให้คนอื่น คุณรู้ไหม จิตใต้สำนึกไม่เคยหลับ ถ้าคุณมีโอกาสจูบลูกก่อนนอน หัวใจของเขาจะพองโต เพราะใจได้สัมผัสใจ”
 บางทีความลับของจักรวาลที่เขาค้นพบ ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม, ในตัวของเรานั่นเอง

หวังว่าทุกท่านที่อ่านจนจบ จะได้สิ่งดีๆกลับไปนะครับ... ^^

By Yutth with No comments

คาถาเงินล้าน...พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

         วันนี้มาแนวความเชื่อ ความศรัทธาแบบเต็มๆ... ใครใคร่เชื่อ และทำก็ทำนะครับไม่เสียหาย...ใครคิดว่า งมงาย ไม่มีเหตุผลก็ผ่านไปนะครับ... ผมก็แค่แชร์เฉยๆนะครับ...อย่างที่บอกไปครับ ว่าบล็อกนี้จะมาแบบผสมผสาน... แต่ผมก็คิดว่ามันก็ไม่เสียหายอะไร ข้อดีน่าจะเยอะกว่า....
         ผมเอาคาถาเงินล้านมาแจกครับ... ซึ่งประวัติความเป็นมานั้นมาจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค...หลวงพ่อปานได้คาถานี้มาจาก พระธุดงค์...ซึ่งพระธุดงค์บอกว่าเป็นคาถาของพระปัจเจกพระพุทธเจ้า... คาถานี้ก็ได้สืบทอดมาสู่พระลูกศิษย์ คือ พลวงพ่อฤาษีลิงดำ...




ตั้ง นะโม 3 จบ

นาสังสิโม พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน)
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา  วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้า)
สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้เร็วขึ้น)
เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤา ฤา

หลวงพ่อได้คาถาบทเหล่านี้โดยตรงจากองค์สมเด็จฯ(องค์ปฐม)ตั้งแต่ปี 2517 เป็นเวลา 4 ปี จึงจะได้ครบถ้วน ท่านบอกว่า คาถาที่ได้จากกรรมฐาน เขาจะไม่บอกใคร เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2527 เวลา 23.59 น. องค์สมเด็จฯ ได้อนุญาตให้ลูกหลาน และพุทธบริษัทใช้ได้เป็นสาธารณะ เพื่อช่วยบรรเทาสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ อีกทั้งการก่อสร้างของวัดท่าซุง จะต้องเร่งรัดให้เสร็จทันฉลองวัดในปี 2532 จึงจำเป็นที่จะต้องใช้คาถาเหล่านี้ช่วย เพื่อพุทธบริษัท และลูกหลานของหลวงพ่อ มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น

คาถา"นาสังสิโม" หลวงพ่อให้ท่องเพิ่มเติมเมื่อปี 2532
คาถา"เพ็งๆพาๆหาๆฤาๆ" พระปัจเจกพุทธเจ้ามาบอกหลวงพ่อ เมื่อ พฤศจิกายน 2533 เป็นภาษาโบราณ แต่เทียบกับภาษาไทยอ่านได้อย่างนี้ เป็น"คาถามหาลาภ" มีผลยิ่งใหญ่มาก......

ที่มา : http://www.dhammakaya.org

สามารถสวดได้ตลอดเวลา ยิ่งเอาเป็นบททำสมาธิยิ่งได้ผลดี...

ขอให้รวยๆกันทุกคนนะครับ ^^


By Yutth with No comments

คิดบวกเพื่อความสำเร็จ

                          จั่วหัวเรื่อง...หลายๆท่านก็คงได้ยินมาเยอะเกี่ยวกับการคิดบวก... ดูแล้วอาจะเป็นเรื่องปกติหรือเชยๆ แต่จริงๆแล้วเรื่องนี้ถูกทำให้ดูมีรูปธรรมมากยิ่งขึ้น...
ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 นักเขียนเกี่ยวกับความสำเร็จที่มีชื่อเสียงหลายท่าน ได้พูดถึงพลังความคิดที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยมีวิลเลียม  วอลเกอร์ แอตคินสัน เป็นหัวเรือใหญ่ หนังสือเรื่อง Thought Vibration or the Law of Attraction in the Thought World ของเขามีใจความสำคัญว่า พลังความคิดของมนุษย์ส่งผลอย่างยิ่งต่อจิตใจ และเป็นตัวกำหนดสถานการณ์แวดล้อมรอบตัว ความคิดในแง่บวกส่งผลให้จิตใจมั่นคงต่อเป้าหมายและดึงดูดความสำเร็จมาให้ และเขาเรียกว่า "กฎแห่งแรงดึงดูด" (Law of Attraction)

ลองอ่านหนังสือประเภทนี้ดูนะครับ...จะทำให้เพื่อนๆมีไฟในการทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ...

By Yutth with No comments

คำไหว้พระจุฬามณี - เพลงเพราะๆฟังก่อนนอน

ขอฝากเพลงธรรมะ เพื่อเจริญสตินะครับ... ฟังเบาๆก่อนนอน...ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ

By Yutth with No comments

ศาสตร์ลับเดอะซีเคร็ต นำความสำเร็จ

                  สวัสดีครับ... เมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน หลายๆท่านคงได้รู้จักกับหนังสือ เดอะซีเคร็ต ซึ่งโด่งดังอย่างมาก ติดอันดับหนังสือขายดีทั่วโลก... ถ้าใครยังไม่เคยได้อ่านหรือสัมผัส เดี๋ยวผมจะมาสรุปคร่าวๆให้ได้อ่านกันครับ...

เมื่อความคิดเกิดขึ้นจะมีคลื่นความถี่และแรงดึงดูดกระจายออกมา และจดึงคลื่นความคิดที่มีความถี่ตรงกันเข้าหากัน...ซึ่งก็คือการดึงดูดโอกาสต่างๆ ที่ทำให้เราสำเร็จกันครับ....โดยมีเคล็ดลับ 3 ข้อหลักๆ ดังนี้....

1.ขอ : ขอในสิ่งที่เราต้องการจากจักรวาลโดยให้คิดหรือระบุลักษณะอย่างละเอียดเห็นเป็นภาพเลยครับ
2. เชื่อ : คือการสร้างศรัทธาขึ้นอย่างไม่มีเคลือบแคลงใจว่าเราจะได้สิ่งเหล่านั้นแน่นอน
3. รับ : คือการคิดรู้สึกว่าได้รับสิ่งๆนั้นมาเรียบร้อยแล้ว มีความรู้สึกภูมิใจ มีความสุขว่าสิ่งนั้นปรากฏ ชัด

มีหลายๆคนที่ประสบความสำเร็จโดยใช้หลักการอันแน่วแน่นี้...

ลองคิดเล่นๆนะครับ...เอาแบบที่เคยผ่านมาของตนเองมีอะไรบ้างได้มาแบบ ฟลุคๆ ... เคยมั้ยที่คิดจดจ่อตอนไปห้างสรรพสินค้า แล้วจดจ่อคิดแต่เรื่องที่จอดรถ...พอมาถึงห้างสรรพสินค้าก็บังเอิญเห็นรถออกจากที่จอดพอดีเลย...นี่ก็เป็นอีกบทบาทหนึ่งของกฏแห่งแรงดึงดูด... ถ้าเราคิดสิ่งใดแบบจดจ่อ รับรองจะเป็นแรงดึงดูดมหาศาลที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จครับ...


ลองไปหาหนังสือมาอ่านดูนะครับ เดี๋ยวนี้เห็นเขียนแนวนี้มากมาย รับรองอ่านแล้วมีไฟกันทุกคนครับ... ขอให้ทุกท่านพบความสำเร็จนะครับ

By Yutth with No comments

คนดังฝั่งตะวันตกที่ศรัทธาพระพุทธศาสนา

                พอกล่าวถึงฝรั่ง...ฝรั่งที่หมายถึงคนนะครับ ไม่ใช่ผลไม้...หรือชาวตะวันตกนั่นแหละครับ... ส่วนใหญ่คนไทยเราก็มักจะคิดไปถึงความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความทันสมัย บางคนถึงขั้นมองฝรั่งเป็นเทวดาไปเลยก็มี... และถ้าเขาเหล่านั้นมาทำอะไรในแบบของเรา หรือศรัทธาในศาสนาของเราก็อดที่จะปลื้มใจไม่ได้...ทั้งๆที่ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่เป็นสากลที่สุดแล้ว...เพราะอะไร?
               ถ้าจะกล่าวถึงนักวิทยาศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงโลกมากที่สุด ก็คงไม่พ้น อัลเบิร์ต  ไอน์สไตน์... แล้วทำไมต้องกล่าวถึง ไอน์สไตน์...อืม...ก็ไม่กล่าวก็คงไม่ได้ เพราะโลกปัจจุบัน พอจะกล่าวอะไรขึ้นมาก็ต้อง ยิ่งถ้าพิสูจน์ให้เห็นกับตาก็ว่างมงายไป... ก็เลยต้องเอานักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลกนี่แหละมาอ้างอิง...
               ไอน์สไตน์กล่าวเรื่อง วิทยาศาสตร์กับศาสนาไว้ว่า "ศาสนาในอนาคต จะเป็นศาสนาแห่งสากลจักรวาล เป็นศาสนาที่ข้ามพ้นเรื่องเทพเจ้าหรือพระเจ้า และหลีกเลี่ยงความเชื่อศรัทธาแบบหัวรุนแรงโดยไม่พิสูจน์ ซึ่งพระพุทธศาสนาให้คำตอบในสิ่งนี้"

                ต่อไปจะขอกล่าวถึงบุคคลชื่อดังที่ให้ความศรัทธาในพระพุทธศาสนากันนะครับ...

1. ริชาร์ด  เกียร์
                เขาเป็นนักแสดงที่เริ่มต้นอาชีพในปี 1970 เขาเคยได้รับรางวัล David di Donatello Award สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม  เขาได้พบกับพระพุทธศาสนาในการเดินทางไปประเทศเนปาลเมื่อ พ.ศ. 2521 เขารู้สึกซาบซึ้งในวิถีปฏิบัติตามหลักพุทธศาสนา และเขาก็น้อมรับเข้าสู่จิตใจและหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวัน และเขาเป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทในการปลดปล่อยธิเบตจากจีน...

Photo from : http://www.inquisitr.com


2. โรแบร์โต บัจโจ
               เขาเป็นนักกีฬาฟุตบอลชาวอิตาลี ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่อิตาลีเคยมีมา หลังจากเขาต้องมีอาการบาดเจ็บเข่าข้างขวาในปี พ.ศ. 2530 และได้รับการผ่าตัด จนไม่สามารถลงเล่นได้เลยนานถึง 2 ปี ... ในช่วงเวลานั้นทำให้เขามีอารมณ์รุนแรง หงุดหงิดง่าย จนกระทั่งเพื่อนสนิทของเขาแนะนำให้ลองสวดมนต์...ซึ่งผลทำให้เขาใจเย็นและรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด ทำให้เขาหันมาศึกษาพระพุทธศาสนามากขึ้น และเข้าใจถึงกฏแห่งกรรม ที่ส่งผลกระทบกับเขา...เขายึดมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างมากและเป็นศิษย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่อีกด้วย...


3. ออร์แลนโด  บลูม
              เขาโด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง The Lord of the Rings ก่อนที่เขาจะโด่งดังเขาเคยพบกับความทุกข์กายและใจอย่างแสนสาหัสมาก่อน...เขาเผยว่าตอนอายุ 13 ปี เขาพบว่าพ่อที่เลี้ยงดูเขา ไม่ใช่พ่อที่แท้จริง...และเขาเคยตกจากชั้น 3 บาดเจ็บสาหัสที่หลัง....และระหว่างที่เขาโด่งดังเขาก็เอาชีวิตเข้าไปเกี่ยวข้องกับของมึนเมา
              แต่แล้วความทุกข์ต่างๆก็หายไปเพราะเขาได้พบกับพระพุทธศาสนา  เขากล่าวว่า "หลักพุทธปรัชญา มีความร่วมสมัยกับสถานการณ์ปัจจุบันมาก และเป็นหนทางของความสงบอย่างแท้จริง"
              ปัจจุบัน เขายังใช้หลักการเจริญสติในชีวิตประจำวัน รวมทั้งร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง จนได้รับการแต่งตั้งเป็นฑูตขององค์การยูนิเซฟตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552
                                       Photo from : http://sookiestackhouse.com


4. ทีน่า  เทอร์เนอร์
              ราชินีเพลงร็อคแอนด์โรล...ทีน่าได้น้อมรับพระพุทธศานาตั้งแต่เข้าวงการดนตรีได้ไม่นาน เธอได้เล่าไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของเธอว่า เบื้องหลังความสำเร็จในฐานะศิลปิน เธอถูกคนรักทำร้ายร้ายร่างกายและจิตใจอย่างแสนสาหัสมาตลอดระยะเวลาที่อยู่ร่วมกัน... และเธอได้ตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยกินยานอนหลับกว่า 90 เม็ด...แต่เธอได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลและรอดชีวิตมาได้ หลังจากนั้นเธอก็ได้รับคำแนะนำให้รู้จักศาสนาพุทธ นิกายนิชิเรนโชชู ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเธอ
              เรื่องของเธอได้ถูกถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์ม และได้สร้างแรงบันดาลใจให้หลายๆคนหันมาศรัทธาในพระพุทธศาสนามากขึ้น...ทุกวันนี้เธอยังปฏิบัติสมาธิและสวดมนต์ และได้พบกับความสงบสุขจวบจนวันนี้
Photo from : http://www.billboard.com

5. แฮร์ริสัน ฟอร์ด
             เขาโด่งดังจากบทบาท Han Solo ใน Star Wars และบทบาทนำใน Indiana Jones ทุกภาค และได้รับรางวัล People's Choice ในปี 2542 ... เขาเป็นแกนนำจิตอาสาที่ระดมทุนเพื่อสนับสนุนการเดินทางขององค์ ทะไลลามะในการจาริกมาในอเมริกา เพื่อบรรยายธรรม... และเขามีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อปลดปล่อยทิเบตจากจีนเสมอมา...

Photo from : http://www.forbes.com/






และนี่ก็เป็นบุคคลบางส่วนที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา และมีอีกมายที่ไม่ได้กล่าวมานี้... การที่เราได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนานั้นเป็นเรื่องที่โชคดีมาก... ยังไงก็ขอให้ทุกท่านประสบพบความสุขนะครับ...




             

By Yutth with No comments

การอุบัติของพระพุทธเจ้า

   


           บทความแรกก็ต้องเริ่มต้นจริงๆนะครับ เอาแบบต้นกำเนิดของพระพุทธองค์กันเลย... หลายๆท่านอาจจะมีคำถาม ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน...หรือมนุษย์เกิดมาได้อย่างไร...ซึ่งถ้าคิดเองคงคิดไม่ได้แน่...พระพุทธองค์เคยบอกว่าเรื่องแบบนี้ล้วนเป็นเรื่อง อจินไตย... แล้วอจินไตยคืออะไรกันน๊อ... ผมไปค้นมาให้แล้ว จาก สารานุกรมเสรี http://th.wikipedia.org

อจินไตย แปลว่าสิ่งที่ไม่ควรคิด หมายถึงสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญของปุถุชน มี 4 อย่างได้แก่
  • พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
  • ฌานวิสัย วิสัยแห่งอิทธิฤทธิ์ของฌาน
  • กรรมวิสัย วิสัยของกฎแห่งกรรม ที่สามารถติดตามไปได้ทุกชาติ รวมถึงการให้ผล และการรับวิบากกรรม
  • โลกวิสัย วิสัยการมีอยู่ของโลก
ในทางพระพุทธศาสนาไม่แนะนำให้คิดเรื่องอจินไตย เพราะวิสัยปุถุชนไม่อาจเข้าใจได้โดยถูกต้องถ่องแท้ ทั้งเพราะความเข้าใจไม่ได้ในฐานะที่เป็นของลึกซึ้ง เป็นเรื่องทางจิต หรือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาคำตอบที่สิ้นสุดได้ ถ้าคิดมากจริงจังในการหาคำตอบเหล่านั้นจากการคิดเดาเอาด้วยตรรกะเองจึงอาจกลายเป็นคนบ้าได้ อจินไตยในเรื่องทางจิตจึงเป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยการบรรลุธรรมชั้นสูงเท่านั้น

อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้าง เพราะฉะนั้นแล้วจะคิดไปให้มึนกันทำไมกันจริงมั้ยครับ...  แต่ก็ไม่วายก็มีคำถามพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาได้อย่างไร.... โอ้วว... ยากที่จะคิดจริงๆ... 
ผมจะยกบทความจากหนังสือ "แกะรอยพระพุทธเจ้า" ผู้เขียน ดวงใจ  มหาพัฒนากุล....
ในสมัยพุทธกาล ได้มีเหล่าพระภิกษุทูลถามพระพุทะเจ้าว่าอะไรเป็นเหตุปัจจัยให้พระพุทธเจ้าทั้งหลายอุบัติขึ้น (คำว่าทั้งหลาย ก็แสดงว่ามีหลายพระองค์มาแล้ว เดี๋ยวบทความต่อๆไปผมจะกล่าวถึงองค์พระพุทธเจ้าองค์อื่นๆนะครับ)  พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสตอบว่า เพราะชาติ ชรา มรณะ หรือ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย อันเป็นทุกข์ที่มนุษย์โลกทุกคนต้องประสบและไม่อาจหลีกหนีพ้นได้ เป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าต้องมาอุบัติขึ้นบนโลก เพื่อที่พระองค์จะช่วยเหล่าสัตว์โลกทั้งหลายให้หลุดพ้นจากกองทุกข์
การอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้านี่ ง่ายหรือยาก ลองมาดูกันครับ... เอาความยากของการเกิดเป็นมนุษย์ก่อนนะครับ ... การกำเนิดของมนุษย์ยากแสนเข็ญยิ่งนัก อุปมาเหมือนมีเต่าตัวหนึ่งในทะเลลึก และมีห่วงอันหนึ่งลอยเคว้งคว้างกลางทะเล ลอยแบบไม่มีจุดหมายนะครับ... ซึ่งทุกๆ 100 ปี เต่าตัวนี้จะโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ 1 ครั้ง เพื่อจะให้หัวของมันสวมกับห่วงดังกล่าว... ลองคิดดูนะครับ มันยากแค่ไหน เพราะเหมือนเดาสุ่มเลยก็ว่าได้ โอกาสที่จะหัวสอดพอดีกับห่วง ก็คิดไปได้เลยว่า โอกาสเป็นศูนย์...
แล้วการอุบัติของพระพุทธองค์หล่ะ...ไม่ต้องไปคิดเลยครับ เพราะยากยิ่งกว่านั้นอีกไม่รู้กี่เท่าสุดแสนจะประมาณ... พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "การที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงอุบัติขึ้น ยากยิ่งนัก" 
ท่านที่อ่านมาแล้ว...คงพอเข้าใจนะครับว่าผมจะสื่อถึงอะไร... ผมกำลังสื่อว่าโอกาสเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากแสนยาก แต่เราก็ได้เกิดมาเป็นมนุษย์กันแล้ว ก็ควรจะไม่ประมาทในชีวิต...ถ้าเราเชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรม ซึ่งถ้าเราทำไม่ดีก็ย่อมกลับมาเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากยิ่งแน่นอน...

ก่อนจบบทความ ขอขอบคุณภาพสวยๆจากภาพยนต์การ์ตูนเรื่อง พระพุทธเจ้า... 

By Yutth with No comments

"ผู้ใดปราถนาจะอุปปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงรักษาภิกษุป่วยไข้เถิด"

วันนี้ตั้งหัวข้อแบบเน้นบุญกุศลกันนะครับ... ผมก็ขอเสนอแนวทางการทำบุญอย่างชาญฉลาดอีกรูปแบบหนึ่ง... เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า เราไม่สามารถอุปปัฏฐากพระพุทธองค์ได้แล้ว... แต่พระพุทธองค์ได้เคยตรัสไว้ว่า "ผู้ใดปราถนาจะอุปปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงรักษาภิกษุป่วยไข้เถิด" 


การให้การพยาบาลหรือบำบัดโรคภัยไข้เจ็บของพระสงฆ์ เท่ากับการได้อุปัฏฐากพระพุทธองค์เลยทีเดียว
ตามความเชื่อผู้คนส่วนมากแล้วมึความเชื่อและศรัทธาว่า " ถ้าหากผู้ใดที่ได้ถวายอาหารหรือสิ่งของต่อพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุญที่เกิดจากการถวายทานนั้น มีอานิสสงส์มากจริงๆ ถึงขนาดผู้นั้นตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ได้เป็นสาวก หรือ อัครสาวก หรือ ปราถนาพุทธภูมิ ก็ได้สมดังใจปรารถนาเลย"
ตามพระพุทธดำรัสที่กล่าวมาข้างต้นนั้น การที่เราดูแลช่วยเหลือปรนิบัติต่อพระภิกษุผู้อาพาธ เท่ากับว่าเราได้สร้างกุศลต่อพระพุทธองค์โดยตรงเลยทีเดียว ดังนี้ ผลบุญมหาศาลจักบังเกิดขึ้นแก่เราผู้ได้ปรนนิบัติอุปัฏฐากพระภิกษุสงฆ์ผู้อาพาธ เปรียบเสมือนเราได้ถวายทานต่อพระพุทธเจ้านั่นเอง

ดังนั้น การที่เรามีโอกาสหรือตั้งใจที่จะปรนิบัติดูแลช่วยเหลือพระภิกษุสงฆ์ที่ป่วยไข้ อาพาธ แล้วเราน้อมจิตของเราระลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะส่งผลต่อจิตใจอันเป็นกุศลเป็นอย่างมาก และอานิสสงส์ดังกล่าวนั้น บุญจากการอุปัฏฐากพระพุทธองค์ย่อมมีกำลังกุศลมหาศาล หากตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้เราเจริญในธรรมในพระศาสนาของพระพุทธองค์แล้ว กำลังแห่งความตั้งใจนั้นก็ย่อมมีมากมาย และส่งผลให้เราก้าวหน้าในธรรม มีพละและอินทรีย์ เพื่อความหลุดพ้นในโอกาสภายหน้าได้เป็นแน่แท้ เหตุดังนั้น พวกเราอย่ามัวประมาทอยู่เลย พึงกระทำมหากุศลดังกล่าวให้เกิดขึ้นแก่ตัวเอง ครอบครัว และสหธรรมิกของเราโดยพลัน ฯ


อย่าลืมกันนะครับ... ท่านสามารถที่จะทำกุศลได้โดย ทำนุบำรุงโรงพยาบาลสงฆ์ ซึ่งก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ชาญฉลาดเลยทีเดียว... ขอบคุณครับที่กรุณาอ่าน...


ที่มา : http://www.arokayasala.com

กฏแห่งแรงดึงดูดทำแมนซิตี้ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ในรอบกว่า 40 ปี

หลายๆท่านที่ชื่นชอบในกีฬาฟุตบอล...คงไม่พลาดการแข่งขันเมื่อคืนนี้ (13/05/2012) เป็นการตัดสินแชมป์ พรีเมียร์ลีกระหว่าง แมนยู และ แมนซิตี้...แต่แมนซิตี้ถือไพ่เหนือกว่าเล็กน้อย... และก็เป็นผลต่อการโปรแกรมจิตของแต่ละฝ่ายจนได้...

จากการวิเคราะห์รูปเกมของผม...ผมได้ดูการแข่งขันนี้แบบศึกษาไปด้วย...โดยเปิดไปมาระหว่างการแข่งขันของทั้งคู่...ผมได้สังเกตุพฤติกรรมของทั้ง 2 ทีมซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน...ชัดเจนทั้งผู้แข่งขันและผู้เชียร์...

การแข่งขันของแมนซิตี้ไล่ต้อนควีนสปาร์คที่หนีตกชั้นได้ตลอดทั้งเกม ไม่ได้ปล่อยให้คู่แข่งได้บอลเลย...แต่รูปเกมช่างกดดันเสียจริงๆ แต่ด้วยความมุ่งมั่นของทีม และการภาวนาของกองเชียร์ ก็เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ ดึงดูดความสำเร็จมาให้ทีมจนได้... แมนซิตี้โฟกัสเพียงจุดเดียวคือการได้แชมป์ การได้แชมป์คือการต้องชนะเท่านั้น... ทีมไม่ได้มองไปที่ปัจจัยภายนอกอื่นๆเลย...  ทีมไม่ได้ไปโฟกัสในสิ่งที่เหนือการควบคุม... ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นจริง... สามารถทำประตูถึง 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และก็ได้แชมป์ไปครองในรอบกว่า 40 ปี...

ต่อไปเรามาวิเคราะห์ ในส่วนของทีม แมนยูกันบ้าง... ทีมนี้ผมเชียร์มานานกว่า 15 ปี... ชอบสมัย อีริค คันโตน่า.. และทีมแมนยูก็เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จเสมอมา... รูปแบบการเล่นของแมนยู นั้นไม่ได้หวือหวาเลยกับการแข่งขันกับซันเดอร์แลนด์ในวันนี้... เขาหวังแค่ชนะ และไปลุ้นกับปัจจัยภายนอกที่ทีมไม่สามารถควบคุมได้เลย คือไปลุ้นให้ควีนสปาร์ค ชนะหรือเสมอกับแมนซิตี้... ทำไมผมจึงคิดเช่นนั้น...เพราะผมเห็นกองเชียร์แมนยู ดีใจตอนที่ควีนสปาร์คยิงนำ... แทนที่จะไปโฟกัสทีมตนเองให้ได้ประตูเยอะๆ...แต่ไปโฟกัสในส่วนที่ตนเองคุมไม่ได้ซะนี่...และทั้งทีมก็คงคิดเช่นนั้น... โปรแกรมจิตจึงเข้าทำงานในทันที... เขาเห็นความล้มเหลวของคนอื่นเป็นความสุข... ช่วงก่อนจะหมดเวลาการแข่งขันระหว่าง แมนยูและซันเดอร์แลนด์ ผมสังเกตุเห็น ป๋ากี้ ร้อนรน อย่างมาก ผมเชื่อว่าเพื่อให้เกมรีบจบและไปลุ้นให้แมนซิตี้แพ้...

แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แมนซิตี้ ยิงได้ 2 ประตูพลิกมาชนะและเป็นแชมป์ไปจนได้...

มาสรุปกันเลย...


ความสำเร็จของแมนซิตี้ เกิดจาก....
1. ความมุ่งมั่นที่จะได้แชมป์โดยโฟกัสที่การแข่งขันของตนคือการเอาชนะเท่านั้น
2. เขามองเห็นความสุขเมื่อเขาชนะควีนสปาร์คและได้ชูถ้วยแชมป์

ความล้มเหลวของ แมนยู เกิดจาก...
1. มุ่งมั่นที่จะได้แชมป์โดยไปโฟกัสปัจจัยภายนอกที่ตนเองควบคุมไม่ได้โดยหวังให้แมนซิตี้แพ้หรือเสมอ...
2. เขามองเห็นความสุขเมื่อ แมนซิตี้แพ้ควีนสปาร์ค

เป็นยังไงกันบ้างครับ... ผมคิดว่าจริงนะครับเรื่องนี้... เพราะฉะนั้นแล้วการดำเนินชีวิตของเราก็เช่นกัน... ถ้าเรามัวแต่ไปแช่งใคร หรือ ไม่ยินดีกับความสำเร็จของคนอื่น...เห็นเขาได้ดีกว่า เห็นเขารวยกว่า แล้วรู้สึกหงุดหงิด อิจฉา...ก็จงระวังให้ดีนะครับ...เรากำลังโปรแกรมสิ่งผิดๆเข้าสู่จิตใจเราเอง...

จะส่งผลให้เราจะมองความสำเร็จของคนอื่นเป็นความทุกข์ของเรา...จิตก็จะโปรแกรมว่า ความล้มเหลวเป็นความสุข... เราก็จะพบแต่ความล้มเหลว...

แต่ถ้าเรายินดีในความสำเร็จของคนอื่นๆ โฟกัสตัวเราเอง...เราก็จะดึงแต่ความสำเร็จเข้ามาเช่นกัน เพราะโปรแกรมจิตบอกว่า ความสำเร็จคือความสุข...

นี่คือกฏง่ายๆ ของกฏแห่งแรงดึงดูด (The Law of Attraction)

หวังว่าบทความ วิเคราะห์ของผมจะมีประโยชน์เล็กๆบ้างนะครับ...


สัมพุทธชยันตี 2600 ปี กิจกรรมใน งานวันลอยฟ้า...





หนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างยิ่ง 
๑๗ พ.ค.นี้ อีกกิจกรรมหนึ่งใน"งานวัดลอยฟ้า"ชั้น ๕ สยามพารากอน
ขอเชิญพุทธศาสนิกชน ร่วมสวดมนต์บท"ปฐมบรมพุทธอุทาน"
เวลา ๑๓:๐๐ - ๑๖:๓๐ น. บริเวณ โซนห้องมหาวิหาร
สมาชิกผู้มาร่วมงาน..จะได้รับฟรี หนังสือพร้อมC.D."สวดชาตินี้ดีกว่ารอชาติหน้า"

สอบถามรายละเอียดกิจกรรมนี้เพิ่มเติมที่ ๐-๒๖๘๕-๒๒๕๕
www.dmgbooks.com

มหกรรมลานโพธิ์ ตอนงานวัดลอยฟ้า


วันนี้เอาข่าวดีๆมาแจ้งนะครับ
ขอเชิญร่วมฉลองพุทธยันตี ประจำปีที่ 2600 หลังพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ชมฟรี ตลอดงานเลยครับ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

๑๗-๒๐ พ.ค.นี้ ขอเชิญชาวพุทธทุกท่าน
ร่วมงานฉลองพุทธชยันตีประจำปีที่๒๖๐๐หลังพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ณ ชั้น ๕ สยามพารากอน
พบกับสุดยอดนิทรรศการและนานากิจกรรมของนับร้อยองค์กรของชาวพุทธ
"พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร แล้วเราจะเอาไปใช้ในชีวิตได้อย่างไร"
ร่วมสวดมนต์ภาวนา ๙ พระสูตรปฐมโพธิกาล ๒๖๐๐ ปี
สักการะรอยพระพุทธศาสนา มหาเจดีย์ พระปฏิมาและบูรพาจารย์ ๔ ภาค
ฟังธรรมหลายพระอาจารย์ อาทิ พระมิตซูโอะ คเวสโก/ พระมานพ อุปสโม/
พระประสงค์ ปริปุณโณ/ พระไพศาล วิสาโล/ ท่านว.วชริเมธี/
พระมหาสมปอง ตาลปุตโต ฯลฯ

เลือกหาหนังสือ สื่อธรรมะ ไอที-ไอธรรม และนานาหลักสูตรปฏิบัติธรรม
* ร่วมวงเสวนา สวดชาตินี้ดีกว่ารอชาติหน้า
* เลี้ยงลูกวิถีพุทธกับครอบครัวคุณเช็ค คนค้นฅน
* พุทธธรรมกำมือเดียว
* ปฏิบัติธรรมเปลี่ยนชีวิต
* ล่าความสุขในยุคลอยฟ้า
* พระพุืทธเจ้าตรัสรู้
และพบกับน้องๆแฟนพัทธุ์แท้พุทธทาส ฯลฯ

ชมดนตรี ละคร จากนานานักคิดและศิลปิน อาทิ
แอ็ด โมเดิร์นด็อก / เป้ อารักษ์ / ตุล อาพาร์ทเมนท์คุณป้า /
แสตมป์ feat.ตั้ม วิสุทธิ์ / คณะประสานเสียงสอนพลู /วงนั่งเล่น /
โก้ Mr.Saxman /The Kong /มนตราออร์เคสตร้า โดย อ.สุกรี เจริญสุข/
หุ่นสายเสมา / มาลีวัลย์ เจมีน่า ฯลฯ

พร้อมเกมกิจกรรมงานวัดแบบมีธรรมที่คุณไม่คาดคิด

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ๐-๒๘๓๖-๒๘๐๐
www.buddhaleela.org


พระภาสกร ภูริวฑฺฒโน สมดุลโลก Full version

วันนี้เอา youtube มาแชร์อีกแล้วครับ... เนื้อหาดีมากๆ จนไม่สามารถจะเก็บไว้ดูคนเดียวได้... ฟังธรรมะ ก็บันเทิงได้มากเลยเช่นกัน การันตีครับ...โพสก่อนๆ ผมได้พูดเกี่ยวกับ สมดุลโลกไว้บ้างแล้ว... ก็เลยค้นหา คลิป มาให้ดูกันเลย เนื้อหาก็เหมือนในหนังสือเลยครับ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบอ่าน...แต่หนังสืออาจจะละเอียดกว่านี้...สำหรับคนที่ไม่ชอบทั้งอ่านและฟังอันนี้ก็ช่วยไม่ได้แล้วครับ... โดยรวมของคลิปนี้ก็โอเคครับ เห็นภาพชัดเจน เพราะพระอาจารย์ Present ด้วย Power point (ถือว่าทำได้เยี่ยมเลยครับ) เห็นภาพกันเลยทีเดียว... ท่านที่ปรารถนา ใฝ่ในธรรม ก็น่าจะดูกันจบ...ใช้เวลาประมาณ เกือบ 2 ชั่วโมง...  ถ้าท่านดูได้จบ ผมมั่นใจว่า ท่านเริ่มมีจิตใจใฝ่ธรรมะ กันแล้วหล่ะครับ... อนาคตของท่านสดใสแน่นอน... ท่านจะเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ได้อย่างมีหลักการ...ทำไมคนทำดีทั้งชาติ แต่ไม่ได้ดีสักที...ทำไมคนทำชั่วแสนชั่ว  ก็ยังได้ดีปรากฏในชาตินี้... ทำไมองคุลีมาล ฆ่าคนตายไปเยอะแยะมากมาย แต่ได้รับผลกรรมแค่เพียง หัวแตก... ยิ่งช่วงท้ายๆ มี Trick เด็ด สุดยอด...รอท่านได้เข้าไปชมกันนะครับ... ขอบคุณมากครับที่กรุณาอ่าน...ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมนะครับ...สาธุ



Meta Secret 7 ความลับเหนือโลก 5 กฏแห่งเพศ

วันนี้ขออีกโพสเลยนะครับ เอาจาก youtube มาแชร์...เกี่ยวข้องกับ หนังสือ The Meta Secret ของ Mel Gill ที่โด่งดัง... โดยมีวิทยากรรับเชิญคือ โค้ชสิริลักษณ์ และ นพ.พงษ์ศักดิ์  ตั้งคณา... ดูแล้วได้ความรู้มากเลย ในหัวข้อความลับ กฏแห่งเพศ... ดูให้จบนะครับ รับรองสนุกมาก โดยเฉพาะช่วงของ นพ.พงษ์ศักดิ์  ทั้งได้สาระ ทั้งสนุก... ขอให้มีความสุขทุกท่านนะครับ...



เครื่องมือทำนาย อนาคตของมนุษย์ 3

มาต่อเรื่องเครื่องมือทำนายอนาคตจากหนังสือ "ไอ้เป๊ก" กันต่อนะครับ เอาแบบจบบริบูรณ์กันเลย... สื่อต่อไปก็คือ
3.สื่อที่เราชอบเป็นพิเศษ  เดี๋ยวนี้สื่อที่เน้นเฉพาะมีเยอะมากครับ...ถ้าคุณสนใจด้าน IT และจริงจังแม้ว่าคุณไม่ได้จบมาด้านนี้ก็ตาม คุณก็อาจจะเก่งกว่าคนที่จบมาจากด้านนี้ก็ได้... ที่สำคัญคุณสนใจเรื่องอะไรหล่ะ...แล้วเรื่องนั้นสามารถทำเงิน ทำกำไรให้คุณได้มั้ย... บางคนไม่ได้จบด้านคอมพิวเตอร์มาเลย แต่มาขายของบน ebay รวยกันไปเยอะแยะมากมาย... เราต้องรีบเช็คด่วนนะครับว่า เราชอบอะไรเป็นพิเศษและมันทำเงินให้เราได้มั้ย... เพื่ออนาคตของตัวเราเองครับ


ต่อมาเรามาถึงสื่อสุดท้ายที่ ทำนายอนาคตคือ
4.สื่อรอบตัว...  ก็ได้แก่สื่อโทรทัศน์ สื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โฆษณาต่างๆ ลองคิดดูนะครับ...ถ้าทุกๆเช้า เรารับแต่ข่าวไม่สร้างสรรค์ เช่น ฆาตกรรม ข่าวเลวร้าย ก็ย่อมส่งผลแต่ให้ใจเราหดหู่ และหดหู่ไปทั้งวัน...ถ้าเราแต่ข่าวบันเทิง ดาราคนนั้นไปกับคนนี้ ดาราคนนี้ไปกับคนนั้น กระซิบกันเต็มไปหมด...รู้แล้วเกิดอะไรขึ้นครับ... รู้แล้วชีวิตก็เหมือนเดิม ทำงานอีก 10 ปีข้างหน้าชีวิตก็เหมือนเดิม...ลองเปลี่ยนมารับสื่อใหม่กันนะครับ...เราสื่อที่สร้างอนาคต ธุรกิจ สิ่งสร้างสรรค์ เดี๋ยวนี้คนที่ประสบความสำเร็จเข้ามีรายได้เป็นนาทีแล้วนะครับ... คุณรู้มั้ย หลายๆคนรู้วิธีทำร้ายได้ด้วย google  แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่ครับ...คนส่วนใหญ่มุ่งแต่ไปทำงานแล้วก็หมดอาลัยตายอยากกับชีวิตการงาน และก็มานั่งบ่น แล้วก็กลับบ้าน แล้วก็รับสื่อไม่ค่อยดี...เป็นอย่างนี้เรื่อยๆไป... ไม่มีอะไรดีขึ้นครับ... ลองเปลี่ยนพฤติกรรมดูนะครับ.... เรามาลุยพร้อมๆกันเลยครับ... ^^  อ่อ... อย่าลืมซื้อหนังสือมาอ่านด้วยนะครับ... ที่กล่าวมาก็แค่คร่าวๆ อ่านเล่มเต็มๆ เพื่ออนาคตของทุกคนนะครับ....


เครื่องมือทำนาย อนาคตของมนุษย์ 2

มาต่อเรื่องเครื่องมือทำนายอนาคตกันต่อนะครับ... มาดูกันต่อในเรื่องหนังสือที่คุณอ่านก็เป็นสิ่งที่กำหนดอนาคตของเราได้... หนังสือที่เราอ่านจะแบ่งเป็นสื่ออยู่ 4 ประภทใหญ่ๆดังนี้

1. สื่อในวิชาชีพของตนเอง



เรื่องนี้ต้องคิดดีๆนะครับ... บางคนเลือกเรียนในสาขาวิชาที่ไม่เหมาะสมในระยะเวลาปัจจุบัน เช่น วิศวกร...ถ้าปัจจุบันเลือกเรียนด้านวิศวกรรมโยธา กับ ด้านวิศวกรรมพลังงาน คุณคิดว่าใครจะหางานได้ง่ายกว่ากัน...แน่นอนครับ ปัจจุบัน เรื่องพลังงานเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนการก่อสร้างมันน้อยลงแล้วเพราะก่อสร้างเต็มไปหมด... อาชีพบางอาชีพปัจจุบันมันอาจหายไปแล้ว วิชาชีพบางวิชาชีพอาจหางานทำได้ลำบาก ถ้าคุณยังเรียนวิชาชีพที่ไม่เป็นไปตามกระแสโลก คุณต้องเก่งแบบเหนือคนอื่นทั่วๆไป...เพื่อเอาตัวรอดให้ได้... ปัจจุบันฟิล์มถ่ายรูปเขาก็ไม่ได้ใช้กันโดยทั่วไป...สคส. ก็ไม่นิยมซื้อเพราะเล่น SMS หรือไม่ก็ Facebook... สรุปสั้นๆเลยคือ อย่าเสียดายเวลาที่คุณเรียนมา 4 ปีกับวิชาชีพของคุณ...อย่าเสียดายเวลาที่ทำงานมา 10 ปี กับอาชีพของคุณ... โลกมันเปลี่ยนเยอะมาก...ต้องตามกระแสโลกให้ทันเพื่อคุณจะได้อยู่รอด...จงเสียดายเวลาอีก 30 - 40 ปีที่เหลือ...เพราะคุณจะเสียดายและเสียเวลาไปทั้งชีวิต...

2.สื่อความบันเทิง...




สื่อบันเทิงปัจจุบันมีมากมายเลยครับ...ถ้าเราตามกระแสไป รับรองชีวิตหายนะแน่... ปัจจุบันกลยุทธหลอกล่อให้ผู้บริโภคหลงระเริงไปกับสิ่งยั่วยุมีมากมาย... และส่งเสริมให้เราเป็นหนี้กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเกมส์ อินเตอร์เน็ต ภาพยนตร์ คอนเสิร์ต สิ่งที่กล่าวดึงเงินของเราตลอดเวลา... ถ้าเราหลงระเริงไปหล่ะก็ คุณจะเสียทั้งเงิน เสียเวลา เสียอนาคตแน่นอน... แถมบางคนเป็นหนี้บัตรเครดิตไปอีก...เพราะหลงกลในเรื่องโปรโมชั่น และคะแนนสะสม จนไม่สามารถใช้หนี้ได้ตามเวลา...จงระวังไว้ให้ดีครับ...

"ความสำเร็จของคนไม่ได้วัดกันที่คุณมีรายได้เท่าไหร่ แต่วันกันที่คุณมีรายได้เหลือเท่าไหร่ต่างหากหล่ะ"


วันหลังเราจะมาต่อกันในเรื่องสื่อทำนายอนาคตกันต่ออีก 2 ข้อนะครับ...ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จนะครับ....

วันที่ 5 เดือน 5 ปี 2555

ก่อนจะโพสบทความต่อๆไป ผมก็ขอ in trend กันสักหน่อย เกี่ยวกับ วันที่ 5/5/2555 เลขสวยเลยใช่มั้ยครับ.... ตรงกับวันพระด้วยนะครับ และก้เป็นวันฉัตรมงคลอีกด้วย...และทางศาสตร์เกี่ยวกับวัตถุมงคลก็เป็นวันเสาร์ 5 อีกด้วยครับ...อะไรจะเหมาะกันขนาดนี้...
ยังไงบทความนี้ก็ขอให้เป็นไปตามความเชื่อส่วนบุคคลก็แล้วกันนะครับ...

โหรชี้ 5-5-55 เป็นฤกษ์ดีของปี ดาราแห่จัดงานแต่ง โรงแรมใหญ่ในกรุงเทพถูกจองเต็มหมด ด้านวัดต่าง ๆ ใช้โอกาสนี้สร้างวัตถุมงคล

          เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหรนานาชาติ กล่าวว่าวันที่ 5 เดือน 5 ปี 55 ถือเป็นวันที่ฮือฮา เพราะมีเลขตรงกัน 4 ตัว ในทางโหราศาสตร์ หากนำวันเดือนปีมารวมกัน จะได้เลข 15 ซึ่งเป็นตัวแทนของดวงอาทิตย์และดาวพฤหัสบดี เป็นคู่มิตรส่งเสริมกันระหว่างผู้ใหญ่และผู้น้อย และเมื่อนำเลข 1 มาบวกกับ 5 จะได้เลข 6 เป็นตัวเเทนของดาวศุกร์ เทพีความงาม ความรัก ดังนั้น ด้านความรักศิลปะ ธุรกิจบันเทิง การเงิน จะได้รับการส่งเสริม

          อีกทั้งวันที่ 5 เดือน 5 ปี 55 ตรงกับวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันอธิบดี หมายถึง เหมาะแก่การทำงานใหญ่ ๆ เช่น งานแต่ง งานฉลอง ปลูกเรือน วางเสาเอก และเป็นมงคลฤกษ์ เหมาะกับการหมั้นหมาย สู่ขอ แต่งงาน จะได้คู่ครองที่อุปถัมภ์กัน ส่วนฤกษ์ล่างเป็นสิทธิโชค โครงการระยะยาวจะสำเร็จผล ถ้าสมรสจะอยู่กันยืนยาว ส่วนที่กังวลว่าวันเสาร์จะเป็นวันบาปเคราะห์นั้น แม้ว่าวันเสาร์จะเป็นวันแรง แต่ปีนี้ดาวเสาร์เป็นอธิบดี และมีดาวมาตรฐานดีหลายองค์ ย่อมส่งผลดีมากกว่าผลเสีย

          ด้านนายลักษณ์ เรขานิเทศ โหรฟันธง ชี้ว่า ฤกษ์ประจำเดือนพฤษภาคมคือ วันที่ 5 พฤษภาคม 2555 ซึ่งตรงกับวันฉัตรมงคล ถือเป็นวันมหามงคลของชาวไทย และเป็นวันพระ ขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันที่โลกมนุษย์ สวรรค์ และบาดาล พิภพ เปิดถึงกัน และท้าวจตุบาลทั้ง 4 เสด็จมายังโลกมนุษย์ เพื่ออนุโมทนาบุญกุศล และปีนี้ยังเป็นปีพญานาค ตรงกับปีมังกรของชาวจีน ซึ่งเป็นสัตว์เทพเจ้าที่เป็นสุดยอดมหามงคล ดาวพฤหัสได้ตำแหน่งราชาโชค ดาวอาทิตย์ได้ตำแหน่งมหาอุจจ์ ดวงจันทร์ได้ตำแหน่งจุลจักร ถือเป็นฤกษ์ชนะมาร ชนะคน เกิดมงคลแก่ชีวิต

          นอกจากนี้ ในวันดังกล่าว ยังมีการจัดพิธีเททองหรือพุทธาภิเษกวัตถุมงคลทั่วประเทศ ทั้งที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จะจัดเททองวัตถุมงคลรุ่นเบญจนวมงคล ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา หรือวัดบัวขวัญ จ.นนทบุรี จะจัดพิธีบวงสรวงเทวดา และหล่อสร้างพระกริ่งพระชัยวัฒน์เสาร์ 5 จันทร์คุรุสุริยา มหามงคลประวัติศาสตร์ เพื่อให้เป็นประวัติศาสตร์ของวันเสาร์ 5 มหามงคล

          นอกจากนี้ วัดหิรัญญาราม จ.พิจิตร จะได้จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อเงิน รุ่นแทนคุณ และวัดวิเวก จ.แพร่ จัดพิธีพุทธาภิเษกจัดสร้างวัตถุมงคล รุ่นเสาร์ 5 อีกด้วย

          ในขณะที่วงการบันเทิง ก็มีดาราหลายคู่ ที่ใช้ฤกษ์ 5-5-55 ในการแต่งงาน ทั้งคู่ของ ก้อย-วลัยลักษณ์ มุสิกโปฎก และ โย่ง-อนุสรณ์ มณีเทศ ที่ทั้งคู่ คบหาดูใจกันมานานกว่า 10 ปี และวางแผนแต่งงานเมื่อปลายปี 2554 แต่ต้องเลื่อนงานออกไปเนื่องจากมีปัญหาน้ำท่วม จนกระทั่งได้ฤกษ์วันที่ 5 พฤษภาคม 2555 จัดงานแต่งงานที่มิวเซียมสยาม ราชดำเนิน ส่วนอีกคู่ที่ได้ฤกษ์ 5-5-55 คือคู่ของต่าย-ชุติมา ทีปะนาถ และ ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หลังจากที่ทั้งคู่คบหาดูใจกันมากว่า 4 ปี และจะจัดงานแต่งงานที่ห้องศิลาดล โรงแรมสุโขทัย

          นอกจากนี้ จากการสอบถามโรงแรมต่าง ๆ ชื่อดังในกรุงเทพ ปรากฏว่า ในวันนี้ โรงแรมถูกจองหมดแล้ว ทั้งในเครือเซ็นทารา ที่มีลูกค้าโทรมาจองห้องล่วงหน้าจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นงานแต่งงาน หรือโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ที่ห้องจัดเลี้ยงถูกจองเต็มตั้งแต่ปีที่แล้ว ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเย็น และเเม้ห้องจัดเลี้ยงจะเต็มแล้ว แต่ลูกค้ายังโทรมาสอบถามไม่ขาดสาย หรือโรงแรมเจดับบลิว มาริออท ที่มีการจัดงานแต่งงาน 1 คู่ เนื่องจากทางโรงแรมสามารถรองรับงานใหญ่ได้เพียงงานเดียว


ขอบคุณเนื้อหาจากข่าวสด และ kapook.com

เครื่องมือทำนาย อนาคตของมนุษย์ 1

                         วันนี้ขอมาอัพเดทบล็อกกันต่อเกี่ยวกับเรื่อง How to Success... เนื้อหาต่อไปนี้ผมก็ยกเอามาจากการอ่านหนังสือเช่นเดิม...และผมก็คิดว่า มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ...

                         หนังสือเล่มนี้ ติดอันดับหนังสือขายดีของ SE-ED ด้วยนะครับ... ผู้เขียนคือ คุณสมคิด  ลวางกูร เจ้าของวลีที่ว่า "วลีกวนตา  วาจากวนตีน" ชื่อหนังสือคือ "ไอ้แป๊ก... คนไทย...ที่อายุน้อยที่สุด...และเก่งที่สุดในโลก..."

                        สรรพคุณของผู้เขียน ขอบอกเลย สุดยอดเอามากๆ...ผมอ่านหนังสือเล่มแรกของเขาคือ "พลิกชีวิต...จากหายนะ...สู่ความสำเร็จ..." อ่านแล้ววางไม่ลงนะครับขอบอกกันเลยตรงนี้...อ่านแล้วไฟลุกท่วมหัวเลยนะครับ... (เฉพาะคนที่ค้นหาความสำเร็จนะครับ) ชีวิตแบบว่าเวอร์สุดๆ ทรหดสุดๆ ฮาร์ดคอร์เลยก็ว่าได้... ลองไปหาอ่านกันดูนะครับ...ผมขอการันตี...ราคาก็หยิบซื้อกันได้สะดวกแค่ 150 บาท...

                        มาเข้าเรื่องกันต่อนะครับ...กับเครื่องมือทำนายอนาคต... การเลือกบริโภคข้อมูล และการเลือกสื่อเป็นตัวทำนายอนาคต...เอาง่ายๆเลยครับ

1. เพื่อนที่คุณคบ
2. หนังสือที่คุณอ่าน

ดูง่ายๆแค่ 2 อย่างก็จะรู้อนาคตอีก 2 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี จะเป็นเช่นไร

คุณคบเพื่อนแบบไหน นั้นก็เป็นสิ่งแวดล้อมหนึ่งที่พาคุณดำเนินไป...ถ้าเลือกคบเพื่อนประเภท แทงบอล เล่นดัมมี่ เล่นป๊อกเด้ง กินเหล้า เที่ยวผู้หญิง เล่นเกมส์วินนิ่ง  รับรองเลย ชีวิตคุณหายนะแน่ๆ...

แต่ถ้าคบเพื่อนที่ตั้งใจทำมาหากิน สร้างธุรกิจของตนเอง มีวิสัยทัศน์ รับรองเลยคุณก็จะเป็นแบบนั้น เพราะคุณจะปล่อยเพื่อนคุณสำเร็จไปคนเดียวไม่ได้...

ผมไม่ได้บอกให้คุณเลิกคบใครนะครับ... แต่คุณต้องมีปัญญา เราไม่ทิ้งเพื่อนไปไหนหรอก...แต่ถ้าเราเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เดี๋ยวเราก็จะเจอกลุ่มที่เป็นแบบเราเอง...เช่น ถ้าคุณต้องการที่จะหยุดกินเหล้า...แล้วมีเพื่อนมาชวน คุณก็บอกไปว่าไปได้นะ แต่ขอ งด การดื่ม...ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ กินแต่โค้ก...รับรองต่อไปเพื่อนคุณก็เข้าใจเองและก็ไม่ชวนคุณอีกเลย มันก็ไปชวนคนอื่นกิน เมามายต่อไป...แต่คุณก็จะมีชีวิตที่มีสาระมากขึ้น...และเพื่อนดีๆ ชวนทำสิ่งดีๆก็มีมากขึ้น...เพื่อนคุณก็ไม่ได้ลดลงเลย แค่คุณจะมีเพื่อนดีๆ เพิ่มมาอีกมากมาย...

เรื่องนี้ผมลองมาแล้วครับ รับรองแจ่ม... ผมเลิกดื่มสุรามาแล้ว 5 ปี  ไม่เห็นเสียเพื่อนเลย...เพื่อนมันก็ยังชวนไปโน่นนี่นะ...เราก็ไป แต่เพื่อนก็รินแต่โค้กให้เรา...เห็นมั้ยครับ...ไม่เห็นเสียเพื่อนเลย...

เดี๋ยวผมจะมาต่อ ภาค 2 ในบทความนี้นะครับ...เพราะเรื่องมันยาวครับ... ขอบคุณมากครับที่ กรุณามาอ่าน... ^^

The top secret แบบฉบับภาษาไทย 2

         วันนี้ขอแบบต่อเนื่องเลยแล้วกันนะครับ...สัก 2 บทความ... ที่จริงแล้วผมไม่ได้มีส่วนได้ ส่วนเสียกับหนังสือหลายๆเล่มที่กล่าวมานะครับ... แต่เป็นการแนะนำจากผมเท่านั้น... ถ้าสำนักพิมพ์เขาอยากให้เงินค่าโฆษณาก็ยินดี ฮ่าาาา ^^"....   เอาเป็นว่าหนังสือเล่มไหนอ่านแล้วรู้สึกประทับใจผมก็จะมาแนะนำเรื่อยๆนี่แหละครับ... บทความที่แล้วตั้งใจจะแนะนำหนังสือ เดอะ ท็อป ซีเคร็ต แต่ไม่รู้ไปแวะหนังสือเล่มอื่นได้อย่างไรกัน...เอาเป็นว่ามาแนะนำหนังสือเล่มนี้กันเลยครับ เขียนโดย ทพ.สม  สุจีรา เช่นเดิม...
        ที่จริงแล้วหนังสือเล่มนี้มี 2 เล่มด้วยกันนะครับ แต่ผมขอแนะนำเล่มที่ 2 ไปเลยแล้วกัน เอาแบบรวบรัดจบหลักสูตรกันไปเลย...
        หนังสือเดอะท็อปซีเคร็ต 2 มีเนื้อหาทั้งหมด 5 บทด้วยกัน...แต่ละบทก็ชวนให้อยากเปิดอ่านเลยทีเดียว... บทที่ 1 จะกล่าวถึงเคล็ดลับความสำเร็จด้านการเรียน ใครอยากเรียนเก่งก็รีบอ่านบทนี้กันเลย... บทที่ 2 จะกล่าวถึงเคล็ดลับความสำเร็จในหน้าที่การงาน.... ใครที่เป็นพนักงาน ห้างร้าน ลูกจ้าง (รวมทั้งผมนี่แหละครับ) อ่านด่วนเลยครับ.... บทที่ 3 จะกล่าวถึงเคล็ดลับความสำเร็จด้านธุรกิจ.... บทที่ 4 จะกล่าวถึง เคล็ดลับความสำเร็จด้านชีวิต... บทสุดท้าย จะกล่าวถึง ความสำเร็จที่แท้จริง... สุดยอดเลยใช่มั้ยครับ...แต่ละบทละเอียด ลึกซึ้งขึ้นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เด็กเกี่ยวกับการเรียน จนกระทั่งชรา เลยก็ว่าได้...
สรุปเลยครับ...หนังสือดีควรหยิบมาอ่านซะ...แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน... โชคดีทุกคนนะครับ....

The top secret แบบฉบับภาษาไทย 1

        โพสก่อนหน้านี้ ผมก็เคยได้เขียนเรื่องราวของหนังสือน่าอ่านคือ The Secret และ ต่อมาด้วย The Meta Secret ซึ่งหนังสือทั้ง 2 เล่มนั้นเป็นการเขียนของชาวต่างประเทศ... ผมก็คิดไปคิดมา แล้วมีคนไทย คนไหนที่รู้เรื่องศาสตร์แห่งความลับนี้บ้าง... ที่จริงแล้วมีเยอะมากนะครับ...แต่ผมขอยกตัวอย่างเด่นๆเลยนะครับ เพราะเขาคนนี้ เป็นนักเขียนที่เขียนหนังสือมาหลายเล่มมาก แต่ละเล่มติดอันดับ Best seller กันถ้วนหน้า...เล่มแรกๆเลยก็คือ "ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น" เล่มนี้ดังมากเลยครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าพิมพ์ไปแล้วกี่เล่ม แต่ที่แน่ๆ เกินแสนเล่มแน่นอนครับ...เนื้อแน่นปึ๊ก...เป็นวิทยาศาสตร์ที่สอดคล้องกับแนวพุทธศาสนา... ทำไมไอน์สไตน์จึงกล่าวว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งจักรวาล... ก็เพราะว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เป็นจริงระดับจักรวาล ไม่ใช่แค่ระดับโลก...นี่ก็แสดงว่า ไอน์สไตน์ได้พบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับศาสนาพุทธ แต่เขาได้เสียชีวิตลงไปก่อนที่การพิสูจน์จะเกิดขึ้น...

     

                หนังสือเล่มนี้ เป็นการบ่งบอกได้ว่าผู้เขียน มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาก และต้องเป็นนักอ่านตัวยงแน่นอน เพราะแต่ละหน้า จะมีเชิงอรรถ มากมายที่อธิบายที่มาที่ไปของแต่ละส่วน... อธิบายใน บล็อกไม่หมดแน่ครับ...แต่ขอแนะนำให้อ่านเลยนะครับ แม้จะเก่ามากแล้วแต่เนื้อหาก็ทันสมัย...ตอนนี้ก็ออกเล่ม 2 มาแล้วนะครับ...ที่จริงก็ออกมาเป็นปีแล้วหล่ะครับ...เชิญชวนมาอ่านหนังสือดีๆกันนะครับ... อ่อ...เกือบลืมบอกไปนักเขียนท่านนี้คือ ทพ.สม  สุจีรา  นั่นเองครับ...

สมดุลโลก...

         เปลี่ยนแนวมาทางพุทธศาสนากันบ้างนะครับ... ผมบังเอิญได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า " ผลบุญคือกำลังชีวิต สมดุลโลก สมดุลใจ สมดุลธรรม" เขียนโดยพระภาสกร  ภูริวัฑฒโน ...ตอนแรกเห็นหน้าปก บอกตรงๆว่าจะหยิบมาอ่านดีมั้ยน๊อ... ดูแล้วเหมือนจะเป็นทฤษฎีธรรมล้วนๆ... แต่ผิดถนัดเลยครับ... เนื้อหาเป็นแบบวิทยาศาสตร์เนื้อหาชวนอ่านและน่าติดตามจนวางไม่ลงเลยครับ...
        บทความนี้ ผมจะยกเอาเรื่องสมดุลโลกมากล่าวคร่าวๆนะครับ... ส่วนสมดุลใจ และสมดุลธรรม ท่านลองไปหาซื้อมาอ่านกันเลยนะครับ...เล่มบางๆประมาณ 120 หน้าเท่านั้น... อ่านจบแล้วท่านจะเข้าใจ กฏแห่งกรรม มากยิ่งขึ้น เพราะทุกอย่างล้วนสมดุล...มีแรงใดกระทำไปก็มีแรงกลับมาเช่นกัน...
       สมดุลโลกกล่าวไว้ว่า เมื่อเรากระทำให้อะไรออกไปที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายนอก ก็ย่อมได้ผลเช่นนั้นกลับมาเหมือนกัน...เคยมั้ยบางครั้งรู้สึกดวงซวย หรือบางครั้งก็ เฮง...เป็นไปได้มั้ยที่ก่อนหน้านั้น หมายถึงชาติที่แล้วเราเคยกระทำอะไรบางอย่างและมีผลมาเกิดขึ้นในปัจจุบัน...
       สมมุติว่าพรุ่งนี้เป็นวันตายของเรา...แล้วสิ่งที่เราทำไปทั้งดีและชั่วจะให้ผลยังไงกันหล่ะ... ถ้าทฤษฎีสมดุลโลกเป็นจริง ก็ย่อมให้ผลหลังความตาย...นี่ก็หมายถึงว่า เรามีชาติต่อๆไปใช่หรือไม่... เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งใดที่เราทำแก่โลกมาก เราก็จะได้กลับมามากเช่นกัน... เพราะฉะนั้นแล้ว จงเชื่อมั่นในความดีที่เราได้กระทำลงไป อย่าเฝ้ารอโชควาสนา เพราะทุกอย่างการกระทำของเราได้กำหนดเส้นทางไว้แล้ว... ขอให้ทุกท่านมีความสุขกันนะครับ...ขอบคุณครับที่อ่านบทความนี้...

Dr.Mel Gill - The Meta Secret, WoodyTalk (CH9) - 27 Mar 2011

                  วันนี้ก็ขอเอา Link youtube มา share เหมือนเดิมอีกครั้งนะครับ... เป็นการสัมภาษณ์สด Dr. Mel Gill ในรายการ Woody Talk ก็ผ่านมากว่า 1 ปีแล้วครับ... แต่ผมว่าหลายๆท่านคงไม่ได้รับชมกัน... เชิญชมได้เลยครับ... Meta Secret หนังสือเล่มนี้ น่าสนใจจริงๆ...

Movie Trailer - The Meta Secret : จุดเริ่มต้นของความลับเหนือโลก

                  วันนี้ผมได้เอา Link จาก youtube มาให้ได้ชมกันนะครับ...ดูเป็น Movie กันไปเลย...ดูแล้วสงสัยจะพากันรีบไปหาซื้อหนังสือกันหล่ะคราวนี้... นี่เป็นไตเติลของเรื่องที่เขาได้ค้นพบความลับทั้งหมด 7 ข้อ...มีอะไรบ้างก็ลองไปหามาอ่านนะครับ...แต่ถ้าอยากรู้เดี๋ยวผมอาจจะค่อยๆลงให้อ่านกัน...เอาเป็นว่าเราไปดูวีดีโอกันเลยนะครับ... ^^




ความลับเหนือโลก ในมุม "ดร.เมล กิลล์" The Meta Secret


ความลับเหนือโลก ในมุม 'ดร.เมล กิลล์'
โดย : เพ็ญลักษณ์ ภักดีเจริญ

             วันนี้อาจจะได้อ่านยาวนะครับ... แต่สำหรับท่านที่ต้องการความสำเร็จ ผมว่าเนื้อหามันสั้นไปนิดนึง... ดร.เมล  กิลล์ คือใคร? หลายท่านอาจะถาม แต่ที่แน่ๆเขาเคยตายมาแล้ว 19 นาที... คำว่าตายนี้ หมายถึงคำวินิจฉัยของแพทย์นะครับ ไม่ใช่เดาเอา...แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่แท้จริงแล้วนั้น เขาเดินทางไปยังชีวิตหลังความตาย... สุดยอดเลยใช่มั้ยครับ...เขาได้เอาความลับเหนือโลก มาเผยแพร่ให้พวกเราได้รับรู้... แค่เกริ่นมา ผมเองยังขนลุกไม่หาย... ยังก็หลังจากอ่านบทความนี้แล้วก็ลองไป อ่านหนังสือเล่มเต็มๆกันดูนะครับ... แล้วท่านอาจจะพบกับสิ่งดีๆ ที่เปลี่ยนชีวิตของท่านก็ได้...

เขาเป็นนักพูดสร้างแรงจูงใจ นักจิตบำบัด และนักเขียน มีคนบอกว่าเขารู้ความลับเหนือโลกในช่วงเวลาหลังความตาย19นาที อะไรคือความลับที่เขาล่วงรู้..

“สิ่งที่ผมค้นพบ ก็คือ ความจริงที่มีอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนสมัยพระพุทธเจ้า พระองค์ได้ค้นพบความจริง และกฎ 7 ข้อที่ผมค้นพบ ถ้านำมาใช้กับชีวิต จะทำให้เรามีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ก็ต้องระวัง” ดร.เมล กิลล์ เล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดี
 หลายคนคงได้ยินข่าวคราวและชื่อเสียงของเขาอยู่บ้าง เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักพิมพ์ดีเอ็มจีได้เปิดตัวหนังสือ สุดยอดเดอะซีเคร็ต เขียนโดยดร.เมล กิลล์ นักจิตบำบัดและนักพัฒนามนุษย์ ที่ได้รับเชิญไปบรรยายกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบันเขาเป็นที่ปรึกษาของซีอีโอกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาหลายแห่ง
 นอกจากเดินทางมาเปิดตัวหนังสือ ยังมี "ดินเนอร์ทอล์ค" ที่นักธุรกิจชั้นนำของเมืองไทยให้ความสนใจ ใน "ความลับ" ที่เขาเอามาแบ่งปัน

Photo from : http://www.squidoo.com

1.
 หากตั้งคำถามว่า ทำไมมนุษย์พยายามค้นหาความลับของจักรวาล ในความคิดเห็นของดร.เมล กิลล์ มองว่า สิ่งที่เขาค้นพบเป็นเรื่องธรรมดาๆ ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ คุณมีสิทธิที่จะมีความสุข ทั้งหมดอยู่ที่ความคิดและความเชื่อ
 สิ่งที่เปลี่ยนวิธีคิดของเขาทั้งชีวิต คือ ความตายในช่วงเวลา 19 นาที เขาโดนตัดแขนซ้าย เนื่องจากตอนอายุ 19 ปีเขาเดินทางไปปีนเขาที่มาเลเซียและประสบอุบัติเหตุตกเขา แขนหัก บอบช้ำมาก ได้เพื่อนๆ ช่วยกันแบกออกมาจากป่า แล้วเดินทางมารักษาตัวที่สิงคโปร์
 "ตอนนั้นหัวหมุนไปหมด เจ็บปวดมาก จนไม่รู้จะบอกยังไง ตอนผ่าตัดผมเห็นทุกอย่าง เห็นหมอและพ่อแม่กำลังร้องไห้ พวกเขาตัดแขนซ้ายผมบริเวณเหนือข้อศอก เพื่อสกัดเนื้อตายเน่าที่ลุกลาม ผมตายแล้ว ตับไตไม่ทำงาน รู้สึกเหมือนตัวเองลอยขึ้นไปสู่เพดาน เห็นเหมือนอุโมงค์แสงสว่าง และเห็นคนๆ หนึ่งบอกผมว่า คุณต้องกลับไปนะ”
 19 นาทีที่ตายไปแล้ว และฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ดร.เมลเปลี่ยนวิธีคิดและการใช้ชีวิต เพราะได้เรียนรู้บางอย่าง
 "มิติหลังความตายในช่วง 19 นาที ทำให้ผมเปลี่ยนไป ผมยกตัวอย่างเรื่องหนึ่ง ตอนผมอายุเจ็ดขวบ มีเพื่อนอายุ 9 ปีเกเรมาก ผมก็เลยผลักเพื่อนคนนั้นตกบันไดเลือดไหล ความทรงจำอีกด้านหนึ่งของผมบอกว่า เลือดของเพื่อนคนนั้นอยู่ในตัวผมด้วย เหมือนผมเป็นคนที่เจ็บปวด สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ การกระทำของเราแม้จะเล็กน้อย แต่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตคนอื่นได้ แทนที่เด็กคนนั้นจะเติบโตเป็นหมอ ปรากฎว่าเปลี่ยนมาเป็นพระ”
 เรื่องที่ดร.เมล เล่าให้ฟัง คงต้องมองในเชิงนามธรรม เพราะเสี้ยววินาทีแห่งความตายในวัยหนุ่ม ทำให้เขาได้ค้นหาความหมายของชีวิตเป็นเวลา 40 ปี เขาเรียนจบปริญญาเอกด้านจิตบำบัด ทำงานให้คำปรึกษาบุคคล และเป็นที่ปรึกษาผู้บริหารระดับสูง รวมถึงจัดรายการวิทยุ เขียนหนังสือด้านจิตวิทยากว่า 60 เล่ม กำกับและสร้างภาพยนตร์ "สุดยอดเดอะซีเคร็ต"


2.

 ความจริงที่ศาสดาหลายศาสนาค้นพบบนโลกใบนี้ ใช่ว่า...ทุกคนจะเข้าถึงได้ง่ายๆ จึงมีคนพยายามไขความลับของจักรวาล เรื่องนี้ ดร.เมล กิลล์ มองว่า ความจริงเหล่านี้มีอยู่บนโลก แต่คนเข้าไม่ถึงเท่านั้นเอง
 “คนที่มีประสบการณ์ใกล้ตาย ไม่ใช่ผมคนเดียว ยังมีผู้ป่วยที่ใกล้ตายจำนวนมาก เหมือนเสียชีวิตไปแล้ว แต่แพทย์ดึงกลับมาได้ ผมไม่อาจบอกได้ว่า สิ่งที่ผมค้นพบเป็นแนวคิดพุทธ คริสต์หรือฮินดู แต่เป็นประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้น ทำให้ผมได้เรียนรู้ธรรมชาติทั้งคน ต้นไม้ ดอกไม้” 
  ใช่ว่า...ชีวิตหลังความตายไม่กี่นาทีจะเปลี่ยนเขาในทันที เขาต้องค้นหา จึงเป็นทั้งนักเดินทาง นักอ่านตัวยง อ่านแม้กระทั่งปรัชญาเฮอร์เมติกของชาวอียิปต์โบราณ กฎฟิสิกส์ ธุรกิจ ปรัชญาและจิตวิทยา ฯลฯ และมีบางช่วงเขาก็ไม่ต่างจากคนอื่น ท้อแท้ สิ้นหวัง กลายเป็นคนพิการ สูญเสียครอบครัว เพื่อนและธุรกิจ
 “ผมไม่ได้นับถือศาสนาใด ผมมีความเชื่อว่า เราทุกคนเป็นพี่น้องเผ่าพันธุ์เดียวกัน ผมมั่นใจว่า พระพุทธเจ้าก็ไม่ใช่พุทธ พระองค์ไม่ได้ให้ใครมานับถือตัวตน แต่ให้นับถือสิ่งที่ตรัสรู้หรือแนวทางปฎิบัติ พระองค์ไม่ได้สนใจว่าเป็นพุทธหรือไม่“
 กว่า 40 ปีที่ดร.เมล เดินทางไปพบครูบาอาจารย์ทุกศาสนา เพื่อเรียนรู้ชีวิตทั้งฮินดู พุทธ อิสลาม และอ่านหนังสือทุกศาสนา จึงไม่แปลกที่บ้านของเขาที่ชิคาโกและสิงคโปร์มีหนังสือมากมาย
 "ผมเชื่องช้าในการเรียนรู้จึงใช้เวลานาน ที่ผ่านมาผมเขียนหนังสือจิตวิทยากว่า 64 เล่ม และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาความทรงจำในช่วง 19 นาทีผมชัดเจนมาก จึงนำมาเขียนหนังสือ หากใครพูดถึงบิดาแห่งจิตวิทยา ผมขอยกย่องพระพุทธเจ้าเป็นอันดับหนึ่งของโลก”
 แม้เขาจะหย่าขาดจากภรรยา และมีลูก 2 คน เขาบอกว่า ไม่ได้คิดว่าชีวิตการแต่งงานล้มเหลว เขากลายเป็นที่ปรึกษาให้ภรรยาและสามีใหม่ของเธอ เพราะมีความเชื่อว่า ถ้าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ชีวิตลูกๆ ก็จะราบรื่นไปด้วย
 "ผมมีหน้าที่ทำให้ทุกคนมีความสุข เมื่อภรรยาไม่มีความสุขที่จะอยู่กับผม อยากกลับไปหาคนรักสมัยมัธยม ผมก็ขับรถพาไป สำหรับผมแล้วความรักที่แท้จริง ต้องไม่ใช่การผูกมัดหรือเป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน ชีวิตผมที่ผ่านมาธรรมดามาก มีลูกก็ใช่ว่าเขาจะฟังผม ” ดร.เมล ยิ้มระหว่างตอบคำถาม


3.
 สิ่งที่ดร.เมล กิลล์ อยากบอกเล่า เป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่มนุษย์มองข้าม เขายกตัวอย่าง กฎ 7 ประการที่เขาค้นพบ อาทิ  กฎมโนนิยม กฎแห่งความสั่นสะเทือน กฎแห่งเพศ กฎแห่งขั้วตรงข้าม ฯลฯ อย่างกฎมโนนิยม เป็นเรื่องใจหรือจิต ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากใจเราทั้งนั้น จึงต้องฝึกจิตใจให้สงบเพื่อรับกับสถานการณ์
 "จำได้ว่า เมื่อก่อนผมสวดมนต์ จะอธิษฐานขอนั่นนี่  ตอนนี้ผมไม่ทำอย่างนั้นแล้ว”
 ทำไมไม่อธิษฐานขอพรเหมือนเดิม เขาเล่าเรื่องสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชให้ฟังว่า พระองค์เสด็จไปที่วัดแห่งหนึ่งที่มีคนสวดมนต์อธิษฐานขอพร ระหว่างนั้นพระสงฆ์ในวัดเดินออกมา เมื่อเห็นพระองค์กลับเดินหนี 
 พระเจ้าอโศกฯ ถามพระสงฆ์ว่า “ทำไมเดินหนีกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่”
 พระสงฆ์ตอบว่า “มีคนปลุกให้พระลุกจากสมาธิ เพราะมีมหาราชผู้ยิ่งใหญ่เดินทางมา แต่เมื่อเดินออกมา แทนที่จะเห็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ กลับเห็นขอทานนั่งขอนั่นขอนี่”
 เขายกตัวอย่างกฎอีกข้อคือ กฎแห่งการดึงดูด ถ้าเราดึงสิ่งใดเข้ามาสู่ตัวเรา แม้จะง่ายที่ใครสักคนมารักเราหรือแต่งงานด้วย แต่สิ่งยากที่สุดคือ การกำจัดบางอย่างออกไปจากชีวิต ต้องระวังให้ชีวิตเกิดความสมดุล  หรือกฎแห่งการสั่นสะเทือน ถ้าเราอยู่ใกล้ใคร เราก็จะเป็นอย่างนั้น
 "ถ้าคุณนำผ้าเช็ดหน้าไปวางไว้บนดอกกุหลาบ ก็จะมีกลิ่นดอกกุหลาบ ถ้าวางในกองมูลวัว ก็จะมีกลิ่นอย่างนั้น ถ้าเราเอาความคิดและจิตใจไปไว้ตรงไหน ก็จะกลายสภาพเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่ผมพยายามทำคือ รักษาความสงบของจิตใจ เพราะใจของเราจะส่งพลังงานออกไปข้างนอก
ไม่ว่าผมจะอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายขนาดไหน ผมก็สามารถอยู่ตรงนั้นได้อย่างมีความสุข ”
 ว่าไปแล้ว ชีวิตของเขาไม่ได้เริ่มจากการเป็นนักพูดที่มีคนฟังมากมาย แต่เริ่มจากการให้คำปรึกษาคนในครอบครัว เพื่อนและขยายวงไปเรื่อยๆ จนปัจจุบันเขาเป็นนักพูดที่สร้างแรงจูงใจในหลายประเทศ ทั้งอเมริกา สิงคโปร์และญี่ปุ่น ฯลฯ
 “ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นครูของผม ผมนั่งอยู่ในห้องนี้ เห็นต้นไม้ก็เห็นฤดูของชีวิต เพราะเราเรียนรู้ตลอดเวลา”


4.
 ดร.เมล สอนผู้คนในหลายประเทศกว่า 34 ปี กฎของจักรวาลอีกข้อที่เขาได้เรียนรู้ก็คือ  “ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นเช่นนั้นเอง”
 "ผมไม่ได้มาสอนอะไร แค่มาเตือนหรือตอกย้ำความจริง เรารู้อยู่แล้ว แต่เราลืมสิ่งที่เป็นความจริง ผมขออ้างคำสอนว่า พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะไม่ได้นำธรรมะที่เป็นคำพูดมาเผยแพร่ แต่จะสอนโดยไม่ใช้คำพูด ปฏิบัติเป็นตัวอย่างให้เห็น เวลาผมไปพูดในประเทศต่างๆ ผมพยายามอิงกับศาสนาประเทศนั้น เพื่อให้คนเข้าใจได้ง่าย อย่างในประเทศบัลแกเรีย คนส่วนใหญ่ไม่นับถือศาสนา แต่ใช้สามัญสำนึก ผมก็ใช้กฎขั้วตรงข้าม แทนที่จะเปรียบเทียบกับคนที่รวยกว่า ก็เปรียบเทียบกับคนที่จนกว่า”
 เขาย้ำอีกว่า ความจริงที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว อยู่ในจิตใต้สำนึก ชีวิตคนเราสั้นมาก เราควรสนุกกับชีวิตในทุกขั้นตอน
 “ผมคิดตลอดเวลาว่า พรุ่งนี้ผมจะตายแล้ว อะไรที่ยังไม่ได้ทำผมพยายามทำในปีนี้ ผมวางแผนว่า จะเขียนหนังสือหรือทำไฟล์เสียง 250 เรื่อง ผมกำลังจะสร้างหนังเรื่องใหม่ ในออฟฟิศผมจะเขียนไว้ว่า “we are one”( เราเป็นหนึ่งเดียวกัน) ถ้าเราสามารถอ่านความคิดหรือเข้าใจคนอื่นได้ ก็จะรู้ว่า เราต่างมีความทุกข์และความเครียดเหมือนกัน ถ้าเราเข้าใจก็จะให้อภัยคนอื่นได้”
 เรื่องนี้มีคำอธิบายต่อว่า มนุษย์เรามีความต้องการที่อันตราย 7 ข้อ ข้อหนึ่ง คือ ความต้องการเอาคืน ถ้าใครทำให้เราเจ็บใจหรือเสียใจ เรามักจะเอาคืน ยกตัวอย่างเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มีคนมาด่าว่าเรา เราฝังใจ คิดอยู่เสมอว่าถ้ามีโอกาสจะเอาคืน
 "นั่น...ทำให้เราไม่มีความสุข แต่ถ้าเราเข้าใจว่า เราต่างเป็นหนึ่งเดียวกัน ในเรามีเขา ในเขามีเรา ก็จะเข้าใจความทุกข์ของคนอื่น"


5.
 คงไม่บ่อยนักที่จะมีดินเนอร์ทอล์คเพื่อไขปริศนาชีวิต เรื่องที่เขาเล่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ทำไมคนอยากรู้
ดร.เมล เล่าว่า นักจิตบำบัดและนักจิตเวชกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ มีความเชื่อว่า ประชากรในโลกนี้มีความเจ็บปวดด้วยโรคจิตอย่างหนึ่ง บางคนไม่อาจจำแนกได้ว่า อะไรคือจินตนาการ อะไรคือเรื่องจริง  
  “คุณเคยพูดกับตัวเองไหม อย่างน้อย 50,000 ประโยคในแต่ละวันที่เราพูดกับตัวเอง 80 เปอร์เซ็นต์ของการพูดกับตัวเองเป็นเรื่องแง่ลบ ถ้าคุณไม่ชอบในสิ่งที่คุณเป็น คุณเปลี่ยนแปลงได้ คุณต้องหัดชมคนอื่น ถ้าวันไหนไม่ได้รับคำชม คุณควรให้คำชมเชยคนอื่น เพราะการชมคนอื่นง่ายกว่าการชมตัวเอง  ทำไมคนอเมริกันมาแย่งงานคนเอเชียทำ เวลามีคนถามคนอเมริกันว่า คุณเก่งในงานที่ทำหรือไม่ พวกเขาบอกว่า เยี่ยม เพราะเขาไม่มีปัญหาเรื่องการนับถือตัวเอง "
 ระหว่างการพูดบนเวที บางครั้งเขาเปิดโอกาสให้คนฟังยกมือแสดงความเห็น และให้ชื่นชมซึ่งกันและกันในโต๊ะดินเนอร์ เขาย้ำกฎบางข้ออีกว่า  ความสำเร็จ มาจากความคิด และต้องมีความเชื่อโดยไม่มีข้อสงสัย
 ดร.เมล พยายามย้ำเตือนเพื่อให้คนฟังเปลี่ยนแปลงความคิดด้านลบออกจากหัว เพื่อให้มีความรักในชีวิตและร่างกายตัวเองมากขึ้น
 “คนส่วนใหญ่ไม่ชอบร่างกายตัวเอง ชอบให้รูปร่างหน้าตาเหมือนคนอื่น ผู้หญิงพยายามจะดูเหมือนนางแบบ จริงๆ แล้วมีสุดยอดนางแบบ 300 คนทั่วโลก แต่ผู้หญิง 3,000 ล้านคนพยายามจะเป็นแบบนั้น ทั้งๆ ที่สุดยอดนางแบบไม่ใช่สิ่งปกติ คุณปกติอยู่แล้ว”
 เหมือนเช่นที่กล่าว สิ่งที่เขาพูดก็เป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่มนุษย์สามารถทำได้ แต่มนุษย์หลงลืมอะไรบางอย่าง ดร.เมล บอกว่า เขาพยายามบอกตัวเองว่า พรุ่งนี้เขาอาจไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
 "ผมขอบคุณจักรวาลที่ผมยังมีชีวิตอยู่ เพื่อมีโอกาสแก้ปัญหาให้คนอื่น คุณรู้ไหม จิตใต้สำนึกไม่เคยหลับ ถ้าคุณมีโอกาสจูบลูกก่อนนอน หัวใจของเขาจะพองโต เพราะใจได้สัมผัสใจ”
 บางทีความลับของจักรวาลที่เขาค้นพบ ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม, ในตัวของเรานั่นเอง

หวังว่าทุกท่านที่อ่านจนจบ จะได้สิ่งดีๆกลับไปนะครับ... ^^

คาถาเงินล้าน...พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

         วันนี้มาแนวความเชื่อ ความศรัทธาแบบเต็มๆ... ใครใคร่เชื่อ และทำก็ทำนะครับไม่เสียหาย...ใครคิดว่า งมงาย ไม่มีเหตุผลก็ผ่านไปนะครับ... ผมก็แค่แชร์เฉยๆนะครับ...อย่างที่บอกไปครับ ว่าบล็อกนี้จะมาแบบผสมผสาน... แต่ผมก็คิดว่ามันก็ไม่เสียหายอะไร ข้อดีน่าจะเยอะกว่า....
         ผมเอาคาถาเงินล้านมาแจกครับ... ซึ่งประวัติความเป็นมานั้นมาจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค...หลวงพ่อปานได้คาถานี้มาจาก พระธุดงค์...ซึ่งพระธุดงค์บอกว่าเป็นคาถาของพระปัจเจกพระพุทธเจ้า... คาถานี้ก็ได้สืบทอดมาสู่พระลูกศิษย์ คือ พลวงพ่อฤาษีลิงดำ...




ตั้ง นะโม 3 จบ

นาสังสิโม พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน)
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา  วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้า)
สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้เร็วขึ้น)
เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤา ฤา

หลวงพ่อได้คาถาบทเหล่านี้โดยตรงจากองค์สมเด็จฯ(องค์ปฐม)ตั้งแต่ปี 2517 เป็นเวลา 4 ปี จึงจะได้ครบถ้วน ท่านบอกว่า คาถาที่ได้จากกรรมฐาน เขาจะไม่บอกใคร เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2527 เวลา 23.59 น. องค์สมเด็จฯ ได้อนุญาตให้ลูกหลาน และพุทธบริษัทใช้ได้เป็นสาธารณะ เพื่อช่วยบรรเทาสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ อีกทั้งการก่อสร้างของวัดท่าซุง จะต้องเร่งรัดให้เสร็จทันฉลองวัดในปี 2532 จึงจำเป็นที่จะต้องใช้คาถาเหล่านี้ช่วย เพื่อพุทธบริษัท และลูกหลานของหลวงพ่อ มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น

คาถา"นาสังสิโม" หลวงพ่อให้ท่องเพิ่มเติมเมื่อปี 2532
คาถา"เพ็งๆพาๆหาๆฤาๆ" พระปัจเจกพุทธเจ้ามาบอกหลวงพ่อ เมื่อ พฤศจิกายน 2533 เป็นภาษาโบราณ แต่เทียบกับภาษาไทยอ่านได้อย่างนี้ เป็น"คาถามหาลาภ" มีผลยิ่งใหญ่มาก......

ที่มา : http://www.dhammakaya.org

สามารถสวดได้ตลอดเวลา ยิ่งเอาเป็นบททำสมาธิยิ่งได้ผลดี...

ขอให้รวยๆกันทุกคนนะครับ ^^


คิดบวกเพื่อความสำเร็จ

                          จั่วหัวเรื่อง...หลายๆท่านก็คงได้ยินมาเยอะเกี่ยวกับการคิดบวก... ดูแล้วอาจะเป็นเรื่องปกติหรือเชยๆ แต่จริงๆแล้วเรื่องนี้ถูกทำให้ดูมีรูปธรรมมากยิ่งขึ้น...
ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 นักเขียนเกี่ยวกับความสำเร็จที่มีชื่อเสียงหลายท่าน ได้พูดถึงพลังความคิดที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยมีวิลเลียม  วอลเกอร์ แอตคินสัน เป็นหัวเรือใหญ่ หนังสือเรื่อง Thought Vibration or the Law of Attraction in the Thought World ของเขามีใจความสำคัญว่า พลังความคิดของมนุษย์ส่งผลอย่างยิ่งต่อจิตใจ และเป็นตัวกำหนดสถานการณ์แวดล้อมรอบตัว ความคิดในแง่บวกส่งผลให้จิตใจมั่นคงต่อเป้าหมายและดึงดูดความสำเร็จมาให้ และเขาเรียกว่า "กฎแห่งแรงดึงดูด" (Law of Attraction)

ลองอ่านหนังสือประเภทนี้ดูนะครับ...จะทำให้เพื่อนๆมีไฟในการทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ...

คำไหว้พระจุฬามณี - เพลงเพราะๆฟังก่อนนอน

ขอฝากเพลงธรรมะ เพื่อเจริญสตินะครับ... ฟังเบาๆก่อนนอน...ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ

ศาสตร์ลับเดอะซีเคร็ต นำความสำเร็จ

                  สวัสดีครับ... เมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน หลายๆท่านคงได้รู้จักกับหนังสือ เดอะซีเคร็ต ซึ่งโด่งดังอย่างมาก ติดอันดับหนังสือขายดีทั่วโลก... ถ้าใครยังไม่เคยได้อ่านหรือสัมผัส เดี๋ยวผมจะมาสรุปคร่าวๆให้ได้อ่านกันครับ...

เมื่อความคิดเกิดขึ้นจะมีคลื่นความถี่และแรงดึงดูดกระจายออกมา และจดึงคลื่นความคิดที่มีความถี่ตรงกันเข้าหากัน...ซึ่งก็คือการดึงดูดโอกาสต่างๆ ที่ทำให้เราสำเร็จกันครับ....โดยมีเคล็ดลับ 3 ข้อหลักๆ ดังนี้....

1.ขอ : ขอในสิ่งที่เราต้องการจากจักรวาลโดยให้คิดหรือระบุลักษณะอย่างละเอียดเห็นเป็นภาพเลยครับ
2. เชื่อ : คือการสร้างศรัทธาขึ้นอย่างไม่มีเคลือบแคลงใจว่าเราจะได้สิ่งเหล่านั้นแน่นอน
3. รับ : คือการคิดรู้สึกว่าได้รับสิ่งๆนั้นมาเรียบร้อยแล้ว มีความรู้สึกภูมิใจ มีความสุขว่าสิ่งนั้นปรากฏ ชัด

มีหลายๆคนที่ประสบความสำเร็จโดยใช้หลักการอันแน่วแน่นี้...

ลองคิดเล่นๆนะครับ...เอาแบบที่เคยผ่านมาของตนเองมีอะไรบ้างได้มาแบบ ฟลุคๆ ... เคยมั้ยที่คิดจดจ่อตอนไปห้างสรรพสินค้า แล้วจดจ่อคิดแต่เรื่องที่จอดรถ...พอมาถึงห้างสรรพสินค้าก็บังเอิญเห็นรถออกจากที่จอดพอดีเลย...นี่ก็เป็นอีกบทบาทหนึ่งของกฏแห่งแรงดึงดูด... ถ้าเราคิดสิ่งใดแบบจดจ่อ รับรองจะเป็นแรงดึงดูดมหาศาลที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จครับ...


ลองไปหาหนังสือมาอ่านดูนะครับ เดี๋ยวนี้เห็นเขียนแนวนี้มากมาย รับรองอ่านแล้วมีไฟกันทุกคนครับ... ขอให้ทุกท่านพบความสำเร็จนะครับ

คนดังฝั่งตะวันตกที่ศรัทธาพระพุทธศาสนา

                พอกล่าวถึงฝรั่ง...ฝรั่งที่หมายถึงคนนะครับ ไม่ใช่ผลไม้...หรือชาวตะวันตกนั่นแหละครับ... ส่วนใหญ่คนไทยเราก็มักจะคิดไปถึงความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความทันสมัย บางคนถึงขั้นมองฝรั่งเป็นเทวดาไปเลยก็มี... และถ้าเขาเหล่านั้นมาทำอะไรในแบบของเรา หรือศรัทธาในศาสนาของเราก็อดที่จะปลื้มใจไม่ได้...ทั้งๆที่ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่เป็นสากลที่สุดแล้ว...เพราะอะไร?
               ถ้าจะกล่าวถึงนักวิทยาศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงโลกมากที่สุด ก็คงไม่พ้น อัลเบิร์ต  ไอน์สไตน์... แล้วทำไมต้องกล่าวถึง ไอน์สไตน์...อืม...ก็ไม่กล่าวก็คงไม่ได้ เพราะโลกปัจจุบัน พอจะกล่าวอะไรขึ้นมาก็ต้อง ยิ่งถ้าพิสูจน์ให้เห็นกับตาก็ว่างมงายไป... ก็เลยต้องเอานักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลกนี่แหละมาอ้างอิง...
               ไอน์สไตน์กล่าวเรื่อง วิทยาศาสตร์กับศาสนาไว้ว่า "ศาสนาในอนาคต จะเป็นศาสนาแห่งสากลจักรวาล เป็นศาสนาที่ข้ามพ้นเรื่องเทพเจ้าหรือพระเจ้า และหลีกเลี่ยงความเชื่อศรัทธาแบบหัวรุนแรงโดยไม่พิสูจน์ ซึ่งพระพุทธศาสนาให้คำตอบในสิ่งนี้"

                ต่อไปจะขอกล่าวถึงบุคคลชื่อดังที่ให้ความศรัทธาในพระพุทธศาสนากันนะครับ...

1. ริชาร์ด  เกียร์
                เขาเป็นนักแสดงที่เริ่มต้นอาชีพในปี 1970 เขาเคยได้รับรางวัล David di Donatello Award สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม  เขาได้พบกับพระพุทธศาสนาในการเดินทางไปประเทศเนปาลเมื่อ พ.ศ. 2521 เขารู้สึกซาบซึ้งในวิถีปฏิบัติตามหลักพุทธศาสนา และเขาก็น้อมรับเข้าสู่จิตใจและหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวัน และเขาเป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทในการปลดปล่อยธิเบตจากจีน...

Photo from : http://www.inquisitr.com


2. โรแบร์โต บัจโจ
               เขาเป็นนักกีฬาฟุตบอลชาวอิตาลี ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่อิตาลีเคยมีมา หลังจากเขาต้องมีอาการบาดเจ็บเข่าข้างขวาในปี พ.ศ. 2530 และได้รับการผ่าตัด จนไม่สามารถลงเล่นได้เลยนานถึง 2 ปี ... ในช่วงเวลานั้นทำให้เขามีอารมณ์รุนแรง หงุดหงิดง่าย จนกระทั่งเพื่อนสนิทของเขาแนะนำให้ลองสวดมนต์...ซึ่งผลทำให้เขาใจเย็นและรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด ทำให้เขาหันมาศึกษาพระพุทธศาสนามากขึ้น และเข้าใจถึงกฏแห่งกรรม ที่ส่งผลกระทบกับเขา...เขายึดมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างมากและเป็นศิษย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่อีกด้วย...


3. ออร์แลนโด  บลูม
              เขาโด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง The Lord of the Rings ก่อนที่เขาจะโด่งดังเขาเคยพบกับความทุกข์กายและใจอย่างแสนสาหัสมาก่อน...เขาเผยว่าตอนอายุ 13 ปี เขาพบว่าพ่อที่เลี้ยงดูเขา ไม่ใช่พ่อที่แท้จริง...และเขาเคยตกจากชั้น 3 บาดเจ็บสาหัสที่หลัง....และระหว่างที่เขาโด่งดังเขาก็เอาชีวิตเข้าไปเกี่ยวข้องกับของมึนเมา
              แต่แล้วความทุกข์ต่างๆก็หายไปเพราะเขาได้พบกับพระพุทธศาสนา  เขากล่าวว่า "หลักพุทธปรัชญา มีความร่วมสมัยกับสถานการณ์ปัจจุบันมาก และเป็นหนทางของความสงบอย่างแท้จริง"
              ปัจจุบัน เขายังใช้หลักการเจริญสติในชีวิตประจำวัน รวมทั้งร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง จนได้รับการแต่งตั้งเป็นฑูตขององค์การยูนิเซฟตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552
                                       Photo from : http://sookiestackhouse.com


4. ทีน่า  เทอร์เนอร์
              ราชินีเพลงร็อคแอนด์โรล...ทีน่าได้น้อมรับพระพุทธศานาตั้งแต่เข้าวงการดนตรีได้ไม่นาน เธอได้เล่าไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของเธอว่า เบื้องหลังความสำเร็จในฐานะศิลปิน เธอถูกคนรักทำร้ายร้ายร่างกายและจิตใจอย่างแสนสาหัสมาตลอดระยะเวลาที่อยู่ร่วมกัน... และเธอได้ตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยกินยานอนหลับกว่า 90 เม็ด...แต่เธอได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลและรอดชีวิตมาได้ หลังจากนั้นเธอก็ได้รับคำแนะนำให้รู้จักศาสนาพุทธ นิกายนิชิเรนโชชู ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเธอ
              เรื่องของเธอได้ถูกถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์ม และได้สร้างแรงบันดาลใจให้หลายๆคนหันมาศรัทธาในพระพุทธศาสนามากขึ้น...ทุกวันนี้เธอยังปฏิบัติสมาธิและสวดมนต์ และได้พบกับความสงบสุขจวบจนวันนี้
Photo from : http://www.billboard.com

5. แฮร์ริสัน ฟอร์ด
             เขาโด่งดังจากบทบาท Han Solo ใน Star Wars และบทบาทนำใน Indiana Jones ทุกภาค และได้รับรางวัล People's Choice ในปี 2542 ... เขาเป็นแกนนำจิตอาสาที่ระดมทุนเพื่อสนับสนุนการเดินทางขององค์ ทะไลลามะในการจาริกมาในอเมริกา เพื่อบรรยายธรรม... และเขามีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อปลดปล่อยทิเบตจากจีนเสมอมา...

Photo from : http://www.forbes.com/






และนี่ก็เป็นบุคคลบางส่วนที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา และมีอีกมายที่ไม่ได้กล่าวมานี้... การที่เราได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนานั้นเป็นเรื่องที่โชคดีมาก... ยังไงก็ขอให้ทุกท่านประสบพบความสุขนะครับ...




             

การอุบัติของพระพุทธเจ้า

   


           บทความแรกก็ต้องเริ่มต้นจริงๆนะครับ เอาแบบต้นกำเนิดของพระพุทธองค์กันเลย... หลายๆท่านอาจจะมีคำถาม ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน...หรือมนุษย์เกิดมาได้อย่างไร...ซึ่งถ้าคิดเองคงคิดไม่ได้แน่...พระพุทธองค์เคยบอกว่าเรื่องแบบนี้ล้วนเป็นเรื่อง อจินไตย... แล้วอจินไตยคืออะไรกันน๊อ... ผมไปค้นมาให้แล้ว จาก สารานุกรมเสรี http://th.wikipedia.org

อจินไตย แปลว่าสิ่งที่ไม่ควรคิด หมายถึงสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญของปุถุชน มี 4 อย่างได้แก่
  • พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
  • ฌานวิสัย วิสัยแห่งอิทธิฤทธิ์ของฌาน
  • กรรมวิสัย วิสัยของกฎแห่งกรรม ที่สามารถติดตามไปได้ทุกชาติ รวมถึงการให้ผล และการรับวิบากกรรม
  • โลกวิสัย วิสัยการมีอยู่ของโลก
ในทางพระพุทธศาสนาไม่แนะนำให้คิดเรื่องอจินไตย เพราะวิสัยปุถุชนไม่อาจเข้าใจได้โดยถูกต้องถ่องแท้ ทั้งเพราะความเข้าใจไม่ได้ในฐานะที่เป็นของลึกซึ้ง เป็นเรื่องทางจิต หรือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาคำตอบที่สิ้นสุดได้ ถ้าคิดมากจริงจังในการหาคำตอบเหล่านั้นจากการคิดเดาเอาด้วยตรรกะเองจึงอาจกลายเป็นคนบ้าได้ อจินไตยในเรื่องทางจิตจึงเป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยการบรรลุธรรมชั้นสูงเท่านั้น

อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้าง เพราะฉะนั้นแล้วจะคิดไปให้มึนกันทำไมกันจริงมั้ยครับ...  แต่ก็ไม่วายก็มีคำถามพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาได้อย่างไร.... โอ้วว... ยากที่จะคิดจริงๆ... 
ผมจะยกบทความจากหนังสือ "แกะรอยพระพุทธเจ้า" ผู้เขียน ดวงใจ  มหาพัฒนากุล....
ในสมัยพุทธกาล ได้มีเหล่าพระภิกษุทูลถามพระพุทะเจ้าว่าอะไรเป็นเหตุปัจจัยให้พระพุทธเจ้าทั้งหลายอุบัติขึ้น (คำว่าทั้งหลาย ก็แสดงว่ามีหลายพระองค์มาแล้ว เดี๋ยวบทความต่อๆไปผมจะกล่าวถึงองค์พระพุทธเจ้าองค์อื่นๆนะครับ)  พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสตอบว่า เพราะชาติ ชรา มรณะ หรือ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย อันเป็นทุกข์ที่มนุษย์โลกทุกคนต้องประสบและไม่อาจหลีกหนีพ้นได้ เป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าต้องมาอุบัติขึ้นบนโลก เพื่อที่พระองค์จะช่วยเหล่าสัตว์โลกทั้งหลายให้หลุดพ้นจากกองทุกข์
การอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้านี่ ง่ายหรือยาก ลองมาดูกันครับ... เอาความยากของการเกิดเป็นมนุษย์ก่อนนะครับ ... การกำเนิดของมนุษย์ยากแสนเข็ญยิ่งนัก อุปมาเหมือนมีเต่าตัวหนึ่งในทะเลลึก และมีห่วงอันหนึ่งลอยเคว้งคว้างกลางทะเล ลอยแบบไม่มีจุดหมายนะครับ... ซึ่งทุกๆ 100 ปี เต่าตัวนี้จะโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ 1 ครั้ง เพื่อจะให้หัวของมันสวมกับห่วงดังกล่าว... ลองคิดดูนะครับ มันยากแค่ไหน เพราะเหมือนเดาสุ่มเลยก็ว่าได้ โอกาสที่จะหัวสอดพอดีกับห่วง ก็คิดไปได้เลยว่า โอกาสเป็นศูนย์...
แล้วการอุบัติของพระพุทธองค์หล่ะ...ไม่ต้องไปคิดเลยครับ เพราะยากยิ่งกว่านั้นอีกไม่รู้กี่เท่าสุดแสนจะประมาณ... พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "การที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงอุบัติขึ้น ยากยิ่งนัก" 
ท่านที่อ่านมาแล้ว...คงพอเข้าใจนะครับว่าผมจะสื่อถึงอะไร... ผมกำลังสื่อว่าโอกาสเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากแสนยาก แต่เราก็ได้เกิดมาเป็นมนุษย์กันแล้ว ก็ควรจะไม่ประมาทในชีวิต...ถ้าเราเชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรม ซึ่งถ้าเราทำไม่ดีก็ย่อมกลับมาเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากยิ่งแน่นอน...

ก่อนจบบทความ ขอขอบคุณภาพสวยๆจากภาพยนต์การ์ตูนเรื่อง พระพุทธเจ้า... 

    • Popular
    • Categories
    • Archives